สายมู

ใครที่กำลังมองหาไอเท็มแต่งห้องสุดเก๋ ต้องไม่พลาด Dream Catcher! ของตกแต่งสุดฮิตที่กำลังมาแรงในหมู่วัยรุ่นยุคนี้ บอกเลยว่าไม่ได้มีดีแค่ความสวย แต่ยังมีความหมายลึกซึ้งสำหรับสายมูที่น่าสนใจมากๆ Dream Catcher คืออะไร? ทำไมถึงฮิตในหมู่วัยรุ่น? Dream Catcher หรือที่เรียกกันในภาษาไทยว่า “ตาข่ายดักฝัน” เป็นเครื่องรางของชนพื้นเมืองอเมริกัน มีลักษณะเป็นห่วงกลมสานด้วยเชือกหรือด้าย มีลวดลายคล้ายใยแมงมุมอยู่ตรงกลาง และมักจะประดับด้วยขนนก ลูกปัด หรือหินสวยๆ ที่มันฮิตในหมู่วัยรุ่นก็เพราะว่า นอกจากจะสวยแล้ว ยังมีความหมายที่เท่มากๆ ตามความเชื่อดั้งเดิม Dream Catcher จะช่วยกรองความฝัน โดยจะดักจับฝันร้ายเอาไว้ที่ใยตรงกลาง แล้วปล่อยให้ฝันดีๆ ไหลผ่านขนนกลงมาหาคนนอน แถมยังเป็นไอเท็มที่เข้ากับหลายสไตล์การแต่งห้อง ไม่ว่าจะเป็นสไตล์โบโฮ มินิมอล หรือแม้แต่สไตล์ญี่ปุ่น ก็ยังมิกซ์แอนด์แมทช์ได้อย่างลงตัว ประวัติความเป็นมาของ Dream Catcher สุดเท่ Dream Catcher มีต้นกำเนิดมาจากชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันที่ชื่อว่า “โอจิบเว” (Ojibwe) ซึ่งอาศัยอยู่แถบทะเลสาบเกรตเลกส์ในอเมริกาเหนือ ตามตำนานเล่าว่า มีผู้หญิงแก่คนหนึ่งที่ชื่อว่า “แม่แมงมุม” (Spider Woman) เธอมีหน้าที่ดูแลปกป้องผู้คนในเผ่า โดยเฉพาะเด็กๆ แต่พอเผ่าขยายใหญ่ขึ้น เธอก็ดูแลไม่ทั่วถึง […]

ใครว่าสัตว์เลี้ยงมีไว้แค่เป็นเพื่อน? ที่จริงแล้ว หลายประเทศทั่วโลกเชื่อว่าสัตว์บางชนิดนำโชคลาภมาให้ด้วยนะ! มาดูกันว่า 5 สัตว์มงคลจากทั่วทุกมุมโลกมีอะไรบ้าง แล้วทำไมถึงได้รับการยกย่องขนาดนั้น แมวดำ เจ้าเหมียวแห่งโชคลาภของชาวญี่ปุ่น เริ่มกันที่ประเทศญี่ปุ่นกันก่อนเลย ที่นี่เขามีความเชื่อว่าแมวดำนำโชคมาให้นะ แปลกใช่ไหมล่ะ? ทั้งๆ ที่หลายประเทศมองว่าแมวดำเป็นสัญลักษณ์ของความโชคร้าย แต่ญี่ปุ่นกลับคิดตรงกันข้ามเลย ตำนานเล่าว่า มีชายคนหนึ่งถูกฟ้าผ่าขณะยืนอยู่ใต้ต้นไม้ แต่รอดชีวิตมาได้เพราะแมวดำกระโดดมาช่วยไว้ทัน ตั้งแต่นั้นมา ชาวญี่ปุ่นก็มองว่าแมวดำเป็นสัตว์นำโชค ในญี่ปุ่น มีตุ๊กตาแมวที่ชื่อว่า “มาเนกิเนโกะ” หรือแมวกวักนั่นแหละ ที่เป็นที่นิยมมาก เชื่อกันว่าถ้าวางไว้หน้าร้าน จะช่วยเรียกลูกค้าให้เข้ามาอุดหนุน ใครอยากรวยต้องลอง! แต่ถ้าจะให้เฮงสุดๆ ต้องเป็นแมวดำสามสีนะ เรียกว่า “มิเกะ” ถือเป็นแมวหายากมาก ถ้าใครได้เลี้ยงถือว่าโชคดีสุดๆ เลยล่ะ กระต่าย เจ้ากระโดดนำโชคของชาวตะวันตก มาทางฝั่งตะวันตกกันบ้าง โดยเฉพาะในอเมริกาและยุโรป กระต่ายถือเป็นสัตว์นำโชคที่ได้รับความนิยมมาก ความเชื่อนี้มีที่มาจากสมัยโบราณ ที่ผู้คนสังเกตว่ากระต่ายมีลูกดกมาก และสามารถหนีศัตรูได้อย่างว่องไว เลยมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความปลอดภัย ในอเมริกา มีความเชื่อว่าถ้าพูดว่า “กระต่าย กระต่าย” สามครั้งติดกันในวันแรกของเดือน จะนำโชคดีมาให้ตลอดทั้งเดือน ลองดูสิ อาจจะได้ผลจริงๆ ก็ได้! ส่วนในอังกฤษ เขามี

ใครว่าญี่ปุ่นมีแต่เทคโนโลยี? ที่นั่นก็มีความเชื่อสุดแปลกไม่แพ้ที่อื่นเลยนะ! วันนี้เราจะพาทุกคนไปสำรวจโลกแห่งความเชื่อของสายมูในแดนอาทิตย์อุทัย รับรองว่าได้อ่านแล้วต้องอึ้ง ทึ่ง เสียว! ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความขัดแย้งในตัวเองอย่างน่าทึ่ง ในขณะที่พวกเขาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม แต่ก็ยังคงรักษาประเพณีและความเชื่อโบราณไว้อย่างเหนียวแน่น ทำให้เกิดการผสมผสานที่แปลกตาระหว่างความเก่าและความใหม่ แล้วสายมูในญี่ปุ่นมีอะไรบ้าง? ไปดูกันเลย! โอมิคุจิ ทำนายโชคชะตาด้วยกระดาษ เริ่มกันที่โอมิคุจิ ซึ่งเป็นวิธีทำนายดวงชะตาที่พบได้ตามศาลเจ้าทั่วญี่ปุ่น วิธีนี้ง่ายมาก แค่เขย่ากล่องไม้จนมีแท่งไม้หล่นออกมา แล้วดึงกระดาษทำนายตามหมายเลขบนแท่งไม้นั้น แต่อย่าคิดว่ามันเชยนะ! ตอนนี้มีตู้โอมิคุจิอัตโนมัติด้วย ใส่เหรียญ กดปุ่ม แล้วรอรับกระดาษทำนาย สะดวกสุดๆ ถ้าได้ทำนายไม่ดี คนญี่ปุ่นจะผูกกระดาษนั้นไว้ที่ต้นไม้หรือราวในศาลเจ้า เชื่อว่าจะช่วยป้องกันไม่ให้คำทำนายนั้นเป็นจริง แถมยังทำให้ศาลเจ้าดูสวยงามมีเสน่ห์อีกด้วย ดารุมะ ตุ๊กตาแห่งความสำเร็จ ถ้าคุณเห็นตุ๊กตาล้มลุกตาเดียวในญี่ปุ่น นั่นแหละคือดารุมะ! ตุ๊กตานี้เชื่อว่าจะช่วยให้สมหวังในสิ่งที่ตั้งใจ วิธีใช้ก็ง่าย แค่ตั้งความปรารถนาแล้วระบายสีตาข้างหนึ่งของดารุมะ พอสมหวังแล้วค่อยระบายอีกข้าง ถ้าเห็นดารุมะตาสองข้าง แสดงว่าเจ้าของประสบความสำเร็จแล้วนั่นเอง ตอนนี้มีแอพมือถือที่จำลองการใช้ดารุมะด้วยนะ ตั้งเป้าหมาย ระบายตา แล้วรอให้แอพแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่ควรจะสำเร็จ เรียกว่าผสมผสานความเชื่อเข้ากับเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว เอมะ กระดานแห่งความหวัง เอมะเป็นแผ่นไม้รูปหัวใจหรือรูปสี่เหลี่ยมที่คนญี่ปุ่นใช้เขียนคำอธิษฐาน แล้วนำไปแขวนไว้ที่ศาลเจ้า เชื่อว่าเทพเจ้าจะช่วยให้คำอธิษฐานเป็นจริง แต่รู้ไหมว่าตอนนี้มีเอมะดิจิทัลด้วยนะ! บางศาลเจ้ามีจอทัชสกรีนให้คุณพิมพ์คำอธิษฐาน แล้วมันจะปรากฏบนจอใหญ่ที่ติดไว้ในศาลเจ้า ประหยัดไม้ แถมยังดูเท่อีกต่างหาก อมุเลต

ถ้าพูดถึงเครื่องรางเสริมดวง หลายคนอาจนึกถึงพระเครื่องหรือตะกรุดของไทย แต่รู้มั้ยว่าญี่ปุ่นก็มีของเด็ดไม่แพ้กัน วันนี้เลยจะพาทุกคนไปรู้จักกับ 5 เครื่องรางญี่ปุ่นที่กำลังฮิตในหมู่วัยรุ่น รับรองว่าไม่ธรรมดาแน่นอน 1. โอมาโมริ (Omamori) ถุงผ้าน้อยมหัศจรรย์ โอมาโมริ คือถุงผ้าเล็กๆ ที่มักเห็นห้อยตามกระเป๋าหรือโทรศัพท์มือถือของสาวๆ ญี่ปุ่น แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แค่ของประดับธรรมดานะ ข้างในถุงผ้านั่นมีของศักดิ์สิทธิ์ซ่อนอยู่ ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยปกป้องคุ้มครองผู้พกพา โอมาโมริมีหลายแบบ แต่ละแบบก็มีจุดประสงค์ต่างกันไป เช่น เรียนเก่ง สอบติด หางานง่าย รักสมหวัง สุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยในการเดินทาง ฯลฯ วัยรุ่นญี่ปุ่นนิยมซื้อโอมาโมริจากศาลเจ้าดังๆ เพื่อเสริมดวงในด้านที่ตัวเองต้องการ โอมาโมริยังมีลวดลายสวยๆ ให้เลือกเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นลายดอกไม้ สัตว์น่ารัก ตัวการ์ตูน หรือแม้แต่ลายกราฟิกสมัยใหม่ เรียกว่าเลือกให้เข้ากับสไตล์ของตัวเองได้เลย 2. ดารุมะ (Daruma) ตุ๊กตาล้มลุก ไม่ยอมแพ้ ดารุมะ เป็นตุ๊กตาทรงกลมสีแดง หน้าตาดุๆ แต่น่ารักอย่างบอกไม่ถูก มันถูกออกแบบมาให้ล้มแล้วลุกเองได้ เหมือนกับชีวิตที่ต้องสู้ไม่ถอย ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไรก็ตาม วิธีใช้ดารุมะก็ไม่ยาก แค่ตั้งเป้าหมายในใจ แล้วระบายสีที่ตาข้างหนึ่งของตุ๊กตา พอทำเป้าหมายสำเร็จก็ระบายตาอีกข้าง เท่านี้ก็เสร็จสมบูรณ์!

ใครว่าแมวเป็นแค่สัตว์เลี้ยงน่ารัก? ผิดถนัด! แมวหลายตัวยังเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภและความเฮงด้วยนะ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชื่นชอบแมวอยู่แล้ว การมีแมวมงคลสักตัวในบ้านหรือที่ทำงานอาจช่วยเสริมพลังบวกให้ชีวิตได้มากกว่าที่คิด วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับแมวมงคล 5 ตัวที่น่าสนใจ รับรองว่าทั้งน่ารักและน่าเลี้ยงสุดๆ 1. แมวสามสี (Calico Cat) ราชินีแห่งโชคลาภ แมวสามสีถือเป็นแมวมงคลอันดับต้นๆ ที่คนญี่ปุ่นเชื่อว่าจะนำโชคลาภมาให้ ลักษณะเด่นของแมวสามสีคือมีขนสีขาว ดำ และส้ม ปะปนกันบนตัว ซึ่งหาได้ยากมากในธรรมชาติ โดยเฉพาะแมวสามสีเพศผู้ที่แทบจะไม่มีเลย ในญี่ปุ่น แมวสามสีมีชื่อเรียกว่า “มิเกะ” (Mike) แปลว่า “สามขน” เชื่อกันว่าถ้าได้เลี้ยงแมวสามสีไว้ในบ้าน จะช่วยดึงดูดโชคลาภและความมั่งคั่งมาให้ บางคนถึงกับเรียกแมวสามสีว่า “แมวเงินล้าน” เลยทีเดียว นอกจากนี้ แมวสามสียังเชื่อกันว่าจะช่วยปกป้องบ้านจากภัยอันตรายและวิญญาณร้าย ในสมัยก่อน ชาวเรือญี่ปุ่นมักจะพาแมวสามสีไปด้วยเวลาออกทะเล เพราะเชื่อว่าจะช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัยจากพายุและคลื่นลม ถ้าใครอยากเลี้ยงแมวสามสี ต้องเตรียมใจไว้หน่อยนะ เพราะแมวพวกนี้มักจะมีนิสัยเจ้าอารมณ์และดื้อรั้น แต่ก็น่ารักและฉลาดมากเช่นกัน ลองหาจากศูนย์พักพิงสัตว์หรือฟาร์มแมวที่มีใบรับรองดูนะ อย่าลืมว่าการเลี้ยงแมวต้องมีความรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่แค่เลี้ยงเพราะอยากได้โชคลาภอย่างเดียว 2. แมวมาเนกิเนโกะ (Maneki Neko) ผู้พิทักษ์แห่งความมั่งคั่ง พูดถึงแมวมงคล ต้องนึกถึงมาเนกิเนโกะ หรือแมวกวักเงินกวักทอง ที่เห็นตามร้านค้าและร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป ลักษณะเด่นคือเป็นรูปปั้นแมวนั่งชูขาหน้าข้างหนึ่งขึ้น

ใครๆ ก็อยากลองเข้าวงการสายมูสักครั้ง แต่จะเริ่มยังไงดี? วันนี้เรามีคู่มือสุดพิเศษสำหรับมือใหม่หัดมู พร้อมเคล็ดลับการเตรียมตัวแบบเจ๋งๆ ที่คุณต้องรู้! อ่านจบแล้วรับรองว่าพร้อมลุยวงการนี้แบบมั่นใจแน่นอน ก่อนจะไปดูว่าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมคนถึงอยากเข้าวงการสายมูกันนักหนา ยุคนี้ชีวิตเครียด วุ่นวาย หลายคนเลยมองหาทางออกใหม่ๆ สายมูก็เป็นหนึ่งในนั้น มันให้ความรู้สึกลึกลับ น่าค้นหา และบางทีก็ให้คำตอบที่เราหาไม่ได้จากที่อื่น แถมยังเป็นเทรนด์ฮิตในโซเชียลด้วย ใครๆ ก็อยากลอง แล้วมือใหม่ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง? ไปดูกันเลย! เปิดใจ แต่อย่าเปิดกว้างจนเกินไป ข้อแรกเลย ต้องเปิดใจให้กว้าง พร้อมรับความรู้ใหม่ๆ แต่ก็อย่าเพิ่งเชื่อทุกอย่างที่ได้ยินนะ สายมูมีอะไรให้เรียนรู้เยอะมาก ทั้งโหราศาสตร์ ไพ่ทาโรต์ พลังงาน ฯลฯ ลองคิดดูว่าเราสนใจอะไรเป็นพิเศษ แล้วเริ่มศึกษาจากจุดนั้น อย่าพยายามเรียนรู้ทุกอย่างในคราวเดียว เดี๋ยวจะท้อ และที่สำคัญ อย่าลืมใช้วิจารณญาณด้วย ไม่ใช่ว่าอะไรที่เกี่ยวกับสายมูแล้วจะต้องเชื่อไปหมด ถ้าสงสัยอะไรก็ถามคนที่รู้จริง หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย หาแหล่งความรู้ที่น่าเชื่อถือ การหาข้อมูลยุคนี้ง่ายมาก แค่เสิร์ชในกูเกิลก็เจอเพียบ แต่จะรู้ได้ยังไงว่าข้อมูลไหนน่าเชื่อถือ? ลองเริ่มจากหนังสือที่เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญในวงการ หรือเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงด้านนี้โดยเฉพาะ อย่าลืมเช็คประวัติของผู้เขียนด้วยว่ามีความรู้จริงหรือเปล่า นอกจากนี้ ยังมีคอร์สออนไลน์มากมายที่สอนเรื่องสายมู แต่ก็ต้องระวังนะ เพราะบางคอร์สอาจจะหลอกเอาเงินเฉยๆ ลองอ่านรีวิวก่อนสมัครดีกว่า และถ้าได้ข้อมูลมาแล้ว ก็อย่าลืมตรวจสอบกับแหล่งอื่นๆ

ใครว่าสายมูมีแต่ในไทย? ที่จีนก็มีเหมือนกันนะ แถมยังเก่าแก่และลึกลับกว่าด้วยซ้ำ! วันนี้เราจะพาทุกคนไปสำรวจโลกแห่งความเชื่อของสายมูในแดนมังกร รับรองว่าได้อ่านแล้วต้องทึ่งแน่นอน! จีนเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 5,000 ปี ความเชื่อและวัฒนธรรมหลายอย่างถูกสั่งสมมาตั้งแต่โบราณ แถมยังผสมผสานกับปรัชญาและศาสนาต่างๆ จนเกิดเป็นความเชื่อที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร ฮวงจุ้ย ศาสตร์แห่งการจัดวางพลังงาน พูดถึงสายมูในจีน ต้องเริ่มด้วยฮวงจุ้ยก่อนเลย ฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์โบราณที่ว่าด้วยการจัดวางสิ่งต่างๆ ให้สอดคล้องกับพลังงานธรรมชาติ คนจีนเชื่อว่าการจัดบ้านหรือออฟฟิศตามหลักฮวงจุ้ยจะช่วยเสริมโชคลาภ สุขภาพ และความสำเร็จได้ แต่ก็อย่าคิดว่ามันง่ายนะ การเป็นซินแสฮวงจุ้ยต้องเรียนรู้ทั้งดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และปรัชญาจีนด้วย ที่น่าสนใจคือ ปัจจุบันฮวงจุ้ยไม่ได้ใช้แค่ในจีนแล้ว แต่แพร่หลายไปทั่วโลก มีบริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งที่จ้างที่ปรึกษาฮวงจุ้ยมาช่วยออกแบบออฟฟิศเลยนะ อี้จิง คัมภีร์แห่งการพยากรณ์ ถ้าฮวงจุ้ยเป็นเรื่องของสถานที่ อี้จิงก็เป็นเรื่องของเวลาและการเปลี่ยนแปลง อี้จิงเป็นคัมภีร์โบราณที่ใช้ในการพยากรณ์และให้คำแนะนำในการดำเนินชีวิต การทำนายด้วยอี้จิงจะใช้การโยนเหรียญหรือไม้ซีกเพื่อสร้างภาพสัญลักษณ์ แล้วนำมาตีความ ฟังดูง่าย แต่จริงๆ แล้วซับซ้อนมาก ต้องใช้เวลาศึกษานานเป็นปีๆ กว่าจะเข้าใจลึกซึ้ง ที่เจ๋งคือ อี้จิงไม่ได้บอกแค่อนาคต แต่ยังช่วยให้เราเข้าใจตัวเองและสถานการณ์รอบตัวด้วย เรียกว่าเป็นทั้งหมอดูและจิตแพทย์ในคนเดียวกันเลย จีจิง ศาสตร์แห่งการทำนายโชคชะตา ถ้าอี้จิงดูยากไป ลองมาดูจีจิงกันบ้าง จีจิงเป็นศาสตร์การทำนายที่ใช้วันเดือนปีเกิดมาคำนวณโชคชะตา คล้ายๆ กับโหราศาสตร์ไทยเรานั่นแหละ แต่ที่ต่างคือ จีจิงจะแบ่งชีวิตคนออกเป็น

ใครๆ ก็พูดถึงสายมู แต่รู้กันไหมว่าความเชื่อนี้มีที่มาที่ไปยังไง? วันนี้เราจะพาทุกคนย้อนเวลากลับไปดูประวัติความเป็นมาของสายมู ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รับรองว่าอ่านจบแล้วต้องทึ่งแน่นอน! ก่อนจะไปดูประวัติกัน มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า “สายมู” คืออะไรกันแน่ “สายมู” เป็นคำที่ใช้เรียกคนที่สนใจเรื่องความเชื่อ โหราศาสตร์ หรือสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ แต่ความจริงแล้ว คำนี้เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเท่านั้นเอง แต่ความเชื่อเรื่องพลังลึกลับนั้นมีมานานแล้ว แล้วประวัติของสายมูเป็นยังไงบ้าง? ไปดูกันเลย! ยุคก่อนประวัติศาสตร์ จุดเริ่มต้นของความเชื่อ ย้อนกลับไปเมื่อหลายพันปีก่อน มนุษย์เราเริ่มมีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติแล้ว ลองนึกภาพดูสิ คนสมัยก่อนเห็นฟ้าร้องฟ้าผ่า ก็คงจะกลัวและสงสัยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง พวกเขาเลยคิดว่าต้องมีพลังบางอย่างที่ควบคุมธรรมชาติอยู่แน่ๆ นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของความเชื่อเรื่องเทพเจ้าและพลังลึกลับต่างๆ ในยุคนี้ เราจะเห็นการสร้างอนุสาวรีย์หินขนาดใหญ่ เช่น สโตนเฮนจ์ ที่อังกฤษ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาและดูดวงดาว นี่แหละคือต้นกำเนิดของสายมูยุคแรกๆ เลยล่ะ ยุคอียิปต์โบราณ ต้นกำเนิดโหราศาสตร์ พอมาถึงยุคอียิปต์โบราณ ประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล ความเชื่อเรื่องพลังลึกลับก็พัฒนาขึ้นอีกขั้น ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าดวงดาวมีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์ พวกเขาสร้างปิรามิดให้ตรงกับตำแหน่งของดาวบนท้องฟ้า และใช้ดวงดาวในการทำนายอนาคต นี่แหละคือจุดกำเนิดของโหราศาสตร์ ที่สายมูยุคนี้นิยมกันมาก นอกจากนี้ ชาวอียิปต์ยังเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย มีการทำมัมมี่และสร้างสุสานขนาดใหญ่ นี่ก็เป็นอีกความเชื่อที่สายมูยุคหลังๆ ยังคงสนใจกันอยู่ ยุคกรีกและโรมัน เทพเจ้าและปรัชญา

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนถึงโชคดีแบบไม่น่าเชื่อ ทั้งการงาน การเงิน ความรัก ราวกับมีของวิเศษช่วยอยู่ตลอดเวลา? บางทีคำตอบอาจซ่อนอยู่ในตัวเลขรอบตัวคุณก็ได้นะ ลองมาดูกันว่าศาสตร์ฮวงจุ้ยโบราณจะช่วยไขปริศนานี้ได้อย่างไร ฮวงจุ้ยคืออะไร ทำไมถึงเกี่ยวกับตัวเลข? ฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์โบราณของจีนที่ว่าด้วยการจัดสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับพลังงานของจักรวาล เพื่อส่งเสริมโชคชะตาและความเป็นอยู่ที่ดี และรู้ไหมว่าตัวเลขก็เป็นส่วนสำคัญในศาสตร์นี้ด้วย ในความเชื่อของฮวงจุ้ย ตัวเลขแต่ละตัวมีพลังงานและความหมายเฉพาะตัว บางตัวนำโชค บางตัวอาจนำพาอุปสรรค การรู้จักเลือกใช้ตัวเลขให้ถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้การจัดบ้านหรือตกแต่งออฟฟิศเลยทีเดียว ตัวเลขมงคลในฮวงจุ้ย มีอะไรบ้าง? ในฮวงจุ้ย ตัวเลขบางตัวถือว่าเป็นมงคลเป็นพิเศษ ลองมาดูกันว่ามีตัวไหนบ้าง แล้วตัวเลขไหนควรหลีกเลี่ยง? ในขณะที่บางตัวเลขนำโชค ก็มีบางตัวที่ควรระวังเช่นกัน เลข 4 เป็นเลขที่คนจีนพยายามหลีกเลี่ยงมากที่สุด เพราะออกเสียงคล้ายคำว่า “ตาย” ในภาษาจีน จนบางโรงแรมถึงกับไม่มีชั้น 4 เลยด้วยซ้ำ เลข 7 แม้จะเป็นเลขมงคลในหลายวัฒนธรรม แต่ในฮวงจุ้ยกลับถือว่าไม่ค่อยดีนัก เพราะเกี่ยวข้องกับความโกรธและการทะเลาะเบาะแว้ง จะนำตัวเลขฮวงจุ้ยมาใช้ในชีวิตประจำวันยังไงดี? ทีนี้รู้แล้วว่าตัวเลขไหนดี ตัวเลขไหนควรระวัง แล้วจะเอามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันยังไงดีล่ะ? ลองมาดูตัวอย่างกัน ฮวงจุ้ยกับตัวเลขในธุรกิจ ไม่ใช่แค่ในชีวิตส่วนตัวเท่านั้น แม้แต่ในวงการธุรกิจก็ยังนำความเชื่อเรื่องตัวเลขในฮวงจุ้ยมาใช้กันอย่างแพร่หลาย ลองนึกถึงร้านอาหารจีนที่ตั้งราคาอาหารเป็น 88 บาท หรือ 888 บาท นั่นไม่ใช่เพราะเขาคิดราคามั่ว ๆ

ใครว่าเทียนมีแค่สีขาวธรรมดา? ผิดถนัด! โลกของเทียนสายมูนั้นกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่าที่คิด มาดูกันว่ามีประเภทไหนบ้างที่กำลังฮอตฮิตติดลมบนในตอนนี้ 1. เทียนอโรมา บำบัดอารมณ์ ฟื้นฟูจิตใจ เทียนอโรมาไม่ใช่แค่หอม แต่ยังเป็นยาสารพัดนึกสำหรับอารมณ์อีกด้วย! แต่ละกลิ่นมีพลังพิเศษต่างกันไป วิธีใช้ให้ปัง ลองผสมผสานกลิ่นต่างๆ เข้าด้วยกัน สร้างกลิ่นเฉพาะตัว เช่น ลาเวนเดอร์+วานิลลา สำหรับคืนที่อยากผ่อนคลายแบบหวานๆ 2. เทียนคริสตัล พลังอัญมณี เสริมดวงชะตา เทียนคริสตัลนี่แหละ ไอเท็มเด็ดที่สายมูต้องมี! นอกจากเทียนธรรมดาแล้ว ยังมีคริสตัลฝังอยู่ด้วย แต่ละสีมีความหมายต่างกัน วิธีใช้ให้ปัง จุดเทียนแล้ววางคริสตัลก้อนเล็กๆ รอบๆ เพื่อเพิ่มพลัง หรือถือคริสตัลไว้ในมือขณะทำสมาธิหน้าเทียน 3. เทียนจักระ สมดุลพลังงาน เปิดประตูสู่จิตวิญญาณ ใครสนใจเรื่องพลังงานในร่างกาย ต้องลองเทียนจักระ! มีเจ็ดสีตามจักระทั้งเจ็ดของร่างกาย วิธีใช้ให้ปัง เริ่มจากจักระที่ 1 ไล่ขึ้นไปถึง 7 จุดทีละเทียนในแต่ละวัน หรือเลือกจุดเฉพาะสีที่ต้องการพัฒนา 4. เทียนสมุนไพร พลังธรรมชาติ บำบัดกายใจ อยากได้พลังจากธรรมชาติ 100%? ลองเทียนสมุนไพรสิ! ทำจากสมุนไพรแท้ๆ บางยี่ห้อยังใส่ใบสมุนไพรจริงๆ