ທຸກຢ່າງທີ່ເຈົ້າຕ້ອງການຮູ້ກ່ຽວກັບຮຸ້ນ Nikkei ເບິ່ງຢ່າງເລິກເຊິ່ງຢູ່ໃນດັດຊະນີຫຼັກຊັບຍັກໃຫຍ່ໃນປະເທດຍີ່ປຸ່ນ

หุ้นนิเคอิ

ถ้าพูดถึงตลาดหุ้นญี่ปุ่น คงไม่มีใครไม่รู้จักดัชนีนิเคอิ ดัชนีสุดฮอตที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามอง แต่รู้หรือไม่ว่านิเคอิมีอะไรซ่อนอยู่มากกว่าที่เห็น วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับหุ้นนิเคอิให้มากขึ้น เตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปดูกันเลย!

หุ้นนิเคอิคืออะไร

นิเคอิ หรือชื่อเต็มๆ ว่า นิกเคอิ 225 (Nikkei 225) เป็นดัชนีหุ้นที่ใช้วัดความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นญี่ปุ่น ถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญของเศรษฐกิจญี่ปุ่นเลยทีเดียว นิเคอิประกอบด้วยหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ 225 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว

แต่ทำไมถึงเรียกว่านิเคอิล่ะ? ชื่อนี้มาจากบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์ญี่ปุ่นชื่อดัง นิฮอน เคไซ ชิมบุน (Nihon Keizai Shimbun) หรือที่รู้จักกันในชื่อ นิกเคอิ (Nikkei) นั่นเอง บริษัทนี้เป็นผู้คำนวณและเผยแพร่ข้อมูลดัชนีนิเคอิมาตั้งแต่ปี 1950

นิเคอิใช้วิธีการคำนวณแบบถ่วงน้ำหนักด้วยราคา (price-weighted index) ซึ่งแตกต่างจากดัชนีอื่นๆ ที่มักใช้วิธีถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตลาด วิธีนี้ทำให้หุ้นที่มีราคาสูงมีผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีมากกว่าหุ้นราคาต่ำ แม้ว่าบริษัทที่มีราคาหุ้นต่ำอาจมีมูลค่าตลาดสูงกว่าก็ตาม

นิเคอิมีการคำนวณและรายงานค่าแบบเรียลไทม์ระหว่างวันทำการ เริ่มตั้งแต่ตลาดเปิดจนถึงปิดทำการ ทำให้นักลงทุนสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงรายชื่อบริษัทในดัชนีเป็นประจำทุกปี เพื่อให้สะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้อย่างแม่นยำ

ประวัติศาสตร์ของนิเคอิ

เรื่องราวของนิเคอิเริ่มต้นขึ้นในปี 1950 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง ญี่ปุ่นกำลังเร่งฟื้นฟูประเทศและเศรษฐกิจ ในช่วงเวลานั้น หนังสือพิมพ์นิฮอน เคไซ ชิมบุน ได้เริ่มคำนวณและเผยแพร่ดัชนีหุ้นที่รู้จักกันในชื่อ นิเคอิ ดัชนีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อวัดประสิทธิภาพของบริษัทชั้นนำในตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ในยุคแรกเริ่ม นิเคอิมีค่าเริ่มต้นที่ 176.21 จุด และประกอบด้วยหุ้นเพียง 225 ตัว ซึ่งเป็นจำนวนที่ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าองค์ประกอบของดัชนีจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

ช่วงทศวรรษ 1960 ถึง 1980 เป็นยุคทองของเศรษฐกิจญี่ปุ่น ดัชนีนิเคอิพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของประเทศ ในปี 1989 นิเคอิทำสถิติสูงสุดที่ 38,957.44 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์

แต่หลังจากนั้นไม่นาน เศรษฐกิจญี่ปุ่นก็เข้าสู่ยุคฟองสบู่แตก ส่งผลให้ดัชนีนิเคอิดิ่งลงอย่างรุนแรง ในปี 1990 ดัชนีร่วงลงกว่า 40% เหตุการณ์นี้นำไปสู่ยุค “ทศวรรษที่สูญหาย” ของญี่ปุ่น ซึ่งเศรษฐกิจประสบภาวะชะงักงันยาวนานหลายปี

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 นิเคอิยังคงผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจโลก วิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อดัชนี ทำให้ร่วงลงต่ำสุดที่ 7,054.98 จุดในเดือนมีนาคม 2009

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นิเคอิได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่น รวมถึงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางญี่ปุ่น

นิเคอิยังคงเป็นดัชนีที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและความสำคัญต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น ทำให้นิเคอิเป็นมากกว่าแค่ตัวเลข แต่เป็นสัญลักษณ์ของพลังทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเลยทีเดียว

รายชื่อบริษัทของนิเคอิ

นิเคอิประกอบด้วยบริษัทยักษ์ใหญ่ 225 แห่งที่เป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจญี่ปุ่น มาดูกันว่ามีบริษัทไหนบ้างที่น่าสนใจ

  • กลุ่มเทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์ ถือเป็นกลุ่มที่มีน้ำหนักมากในนิเคอิ มีบริษัทชั้นนำอย่าง โซนี่ (Sony) ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและเกมคอนโซลชื่อดัง, โตชิบา (Toshiba) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบพลังงาน, และ ฟูจิฟิล์ม (Fujifilm) ที่ปรับตัวจากธุรกิจฟิล์มถ่ายภาพมาสู่เทคโนโลยีการถ่ายภาพดิจิทัลและเคมีภัณฑ์
  • กลุ่มยานยนต์ ญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องอุตสาหกรรมรถยนต์ ในนิเคอิมีบริษัทรถยนต์ชั้นนำอย่าง โตโยต้า (Toyota) ผู้นำตลาดรถยนต์โลก, ฮอนด้า (Honda) ที่โดดเด่นทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์, และ นิสสัน (Nissan) ที่กำลังเดินหน้าสู่ยานยนต์ไฟฟ้า
  • กลุ่มการเงินและธนาคาร มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่น มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (Mitsubishi UFJ Financial Group) หนึ่งในกลุ่มการเงินที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น, โนมูระ โฮลดิ้งส์ (Nomura Holdings) บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ, และ ไดอิชิ ไลฟ์ (Dai-ichi Life) บริษัทประกันชีวิตยักษ์ใหญ่
  • กลุ่มค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภค สะท้อนพฤติกรรมการบริโภคของชาวญี่ปุ่น มีบริษัทอย่าง ฟาสต์ รีเทลลิ่ง (Fast Retailing) เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า Uniqlo, เซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิ้งส์ (Seven & I Holdings) ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีเลฟเว่น, และ ชิเซโด้ (Shiseido) แบรนด์เครื่องสำอางระดับโลก
  • กลุ่มอุตสาหกรรมหนัก มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ บริษัทในกลุ่มนี้เช่น มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสทรีส์ (Mitsubishi Heavy Industries) ผู้ผลิตเครื่องจักรอุตสาหกรรมและอากาศยาน, คาวาซากิ เฮฟวี่ อินดัสทรีส์ (Kawasaki Heavy Industries) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการต่อเรือและระบบราง, และ โคมัตสึ (Komatsu) ผู้ผลิตเครื่องจักรก่อสร้างชั้นนำของโลก
  • กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นกลุ่มที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีบริษัทอย่าง ซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป (SoftBank Group) บริษัทการลงทุนด้านเทคโนโลยีระดับโลก, เอ็นทีที ดาต้า (NTT Data) ผู้ให้บริการด้านไอทีชั้นนำ, และ ราคูเทน (Rakuten) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น
  • กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค มีความสำคัญต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ บริษัทในกลุ่มนี้เช่น โตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ (Tokyo Electric Power) ผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่, เจเอ็กซ์ทีจี โฮลดิ้งส์ (JXTG Holdings) บริษัทน้ำมันและพลังงานชั้นนำ, และ โอซาก้า แก๊ส (Osaka Gas) ผู้จัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติรายใหญ่
  • กลุ่มการบินและการขนส่ง สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการเชื่อมต่อทั้งภายในและภายนอกประเทศ มีบริษัทอย่าง เจแปน แอร์ไลน์ส (Japan Airlines) สายการบินแห่งชาติ, นิปปอน ยูเซ็น (Nippon Yusen) บริษัทขนส่งทางเรือระดับโลก, และ เจอาร์ อีสต์ (JR East) ผู้ให้บริการรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น
  • กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมการบริโภคของญี่ปุ่น มีบริษัทเช่น ซัปโปโร โฮลดิ้งส์ (Sapporo Holdings) ผู้ผลิตเบียร์ชื่อดัง, อาจิโนโมโต้ (Ajinomoto) บริษัทอาหารและเครื่องปรุงรสระดับโลก, และ คิริน โฮลดิ้งส์ (Kirin Holdings) ผู้ผลิตเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ເລື່ອນໄປເທິງ