ຊາມູ

ใครว่าการปลูกต้นไม้เป็นงานของคนแก่? ไม่จริงเลย! ยุคนี้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจการปลูกต้นไม้กันเยอะขึ้นเรื่อยๆ แถมยังมีความเชื่อว่าพืชบางชนิดสามารถเสริมดวง เรียกทรัพย์ และนำโชคมาให้อีกด้วย มาดูกันว่ามีพืชมงคลอะไรบ้างที่น่าปลูก แถมยังเหมาะกับคนเมืองยุคใหม่สุดๆ 1. กวักมรกต เรียกทรัพย์เข้าบ้าน กวักมรกต หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ “ใบเงินใบทอง” นี่แหละ ที่ว่ากันว่าช่วยเรียกเงินเรียกทองเข้าบ้าน ใบสีเขียวสลับเหลืองของมันดูแล้วสบายตาสุดๆ วิธีปลูกก็ง่ายมาก แค่หาที่ที่มีแสงแดดรำไร รดน้ำพอชุ่ม แต่ไม่ต้องมาก ระวังอย่าให้น้ำขังเชียวล่ะ เดี๋ยวรากเน่า ถ้าอยากให้ใบออกมาสวย ลองใส่ปุ๋ยบ้างก็ได้นะ ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือ กวักมรกตยังเป็นพืชฟอกอากาศด้วย ช่วยดูดสารพิษในอากาศ ทำให้บ้านสดชื่นขึ้นเยอะเลย 2. ว่านมหาลาภ รวยแน่ ชื่อบอกชัด! ว่านมหาลาภนี่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าจะนำโชคลาภมาให้ ลักษณะเด่นของมันคือใบสีเขียวเข้มมีลายขาวๆ คล้ายเงินเหรียญ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกรวย! การดูแลก็ไม่ยาก ชอบที่ร่มรำไร ไม่ต้องการแสงแดดจัด รดน้ำแค่พอดินชื้น อย่าให้แฉะ ถ้าปลูกในกระถาง ควรเลือกกระถางที่มีรูระบายน้ำดีๆ มีความเชื่อว่าถ้าปลูกว่านมหาลาภไว้หน้าบ้านหรือในห้องทำงาน จะช่วยดึงดูดเงินทองและโชคลาภเข้ามา แถมยังช่วยป้องกันสิ่งชั่วร้ายอีกด้วย 3. แก้วมังกร มังกรมาเยือน โชคเข้าบ้าน แก้วมังกรนี่ไม่ใช่แค่ผลไม้อร่อยๆ นะ แต่ยังเป็นไม้มงคลที่เชื่อกันว่าจะนำพามังกรแห่งโชคลาภมาเยือนบ้านด้วย ต้นแก้วมังกรปลูกง่าย […]

เคยสงสัยกันมั้ยว่าทำไมหลายคนชอบใส่สร้อยข้อมือ กำไล หรือแม้แต่เชือกสีแดงๆ ติดตัว? บางคนบอกว่าเป็นแฟชั่น แต่จริงๆ แล้วมันอาจจะเป็นมากกว่านั้น! มันคือความเชื่อสำคัญของ สายมู ที่คุณควรรู้จัก มารู้จักกับ “ด้ายแดง” กันดีกว่า ว่าทำไมเส้นด้ายบางๆ สีแดงนี่ถึงได้เป็นที่นิยมกันขนาดนี้ ด้ายแดงคืออะไร? ทำไมต้องสีแดง? ด้ายแดงนี่ไม่ใช่แค่ด้ายธรรมดาๆ นะ แต่มันเป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายลึกซึ้งในหลายวัฒนธรรม โดยเฉพาะในเอเชีย ด้ายแดงถูกมองว่าเป็นตัวแทนของโชคชะตา ความรัก และการปกป้องคุ้มครอง แล้วทำไมต้องเป็นสีแดงล่ะ? ก็เพราะว่าในหลายวัฒนธรรม สีแดงถือเป็นสีมงคล เป็นสีของความรัก ความกล้าหาญ และพลังชีวิต นอกจากนี้ สีแดงยังเชื่อมโยงกับเลือดซึ่งหมายถึงชีวิตและความเป็นหนึ่งเดียวกัน ในความเชื่อของจีน มีตำนานเล่าว่ามีเทพเจ้าองค์หนึ่งชื่อ ‘เทพเจ้าแห่งการแต่งงาน’ หรือที่เรียกว่า ‘เยว่เหล่า’ ท่านจะใช้ด้ายแดงผูกข้อเท้าของคู่รักที่ถูกลิขิตให้อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน สักวันหนึ่งก็จะได้พบกัน ด้ายแดงในวัฒนธรรมต่างๆ ทั่วโลก ด้ายแดงไม่ได้มีความหมายแค่ในวัฒนธรรมจีนเท่านั้นนะ แต่มันยังมีความสำคัญในหลายๆ ประเทศทั่วโลกด้วย ในอินเดีย ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วมักจะใส่สร้อยข้อมือที่ทำจากด้ายแดงที่เรียกว่า ‘มังคลสูตร’ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยปกป้องสามีและครอบครัว ส่วนในญี่ปุ่น มีความเชื่อเรื่อง ‘เส้นด้ายแดงแห่งโชคชะตา’ ที่คล้ายกับของจีน แต่ในญี่ปุ่นเชื่อว่าเส้นด้ายนี้จะผูกนิ้วก้อยของคู่แท้เอาไว้ แม้แต่ในยุโรปและอเมริกาเหนือ

ใครเคยได้ยินเรื่องกุมารทองบ้าง? บางคนอาจจะนึกถึงภาพเด็กทารกสีทองในขวดแก้ว บางคนอาจจะนึกถึงหนังผีที่เคยดู แต่รู้มั้ยว่ากุมารทองนั้นมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากกว่าที่คิด มาทำความรู้จักกับเด็กน้อยมหัศจรรย์ที่ว่ากันว่าช่วยเสริมดวงและนำโชคให้กับผู้เลี้ยงดูกัน! สายมูรีบอ่านเลย กุมารทองคืออะไร? ทำไมถึงมีชื่อแบบนี้? กุมารทองนั้นเป็นวัตถุมงคลที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในวัฒนธรรมไทย มีลักษณะเป็นรูปเด็กทารกขนาดเล็ก มักจะมีสีทองหรือสีน้ำตาลทอง บางครั้งก็ถูกเรียกว่า “ลูกกรอก” เนื่องจากรูปทรงที่มักจะบรรจุอยู่ในขวดหรือภาชนะทรงกลมคล้ายลูกกรอก ชื่อ “กุมารทอง” นั้นมาจากการผสมคำสองคำ คือ “กุมาร” ซึ่งแปลว่าเด็กผู้ชาย และ “ทอง” ซึ่งหมายถึงสีของวัตถุที่ใช้ทำ อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจผิดที่มักพบบ่อยคือคนมักคิดว่ากุมารทองทำจากทองคำจริงๆ แต่ความจริงแล้ว กุมารทองดั้งเดิมนั้นมักทำจากวัสดุอื่นๆ เช่น ไม้ กระดูก หรือขี้ผึ้ง แล้วนำมาลงรักปิดทองเพื่อให้มีสีทอง ในอดีต กุมารทองถูกสร้างขึ้นจากร่างของทารกที่เสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์หรือแรกเกิด ซึ่งผ่านพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ที่ซับซ้อนและน่ากลัว แต่ในปัจจุบัน การทำเช่นนั้นถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายและผิดหลักมนุษยธรรม กุมารทองสมัยใหม่จึงเป็นเพียงรูปเคารพหรือวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงตำนานดั้งเดิมเท่านั้น กุมารทองมีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่รูปปั้นขนาดจิ๋วที่สามารถพกพาได้สะดวก ไปจนถึงรูปปั้นขนาดใหญ่สำหรับตั้งบูชา นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบของเหรียญ พวงกุญแจ หรือแม้กระทั่งสติกเกอร์สำหรับติดรถยนต์ ในยุคดิจิทัล ยังมีแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนที่อ้างว่าเป็น “กุมารทองดิจิทัล” อีกด้วย แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวของความเชื่อโบราณให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ ตำนานกุมารทอง เรื่องเล่าที่ชวนขนลุก ตำนานของกุมารทองนั้นมีหลายเวอร์ชัน แต่ที่เป็นที่รู้จักและเล่าขานกันมากที่สุดคือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับขุนแผน ตัวละครเอกในวรรณคดีไทยเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน”

ใครว่าการมีสุขภาพดีต้องพึ่งแต่หมอ? บางทีเครื่องรางเล็กๆ ก็อาจช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้นะ! มาดูกันว่ามีเครื่องรางอะไรบ้างที่เชื่อกันว่าช่วยเสริมเรื่องสุขภาพ ทั้งกายและใจ แถมบางอย่างยังดูเท่ไม่ซ้ำใครอีกด้วย! ทำไมคนถึงนิยมใช้เครื่องรางเสริมสุขภาพ? ก่อนจะไปดูว่ามีเครื่องรางอะไรบ้าง มาเข้าใจกันก่อนว่าทำไมคนถึงชอบใช้เครื่องรางเกี่ยวกับสุขภาพ ก็เพราะว่า… ทีนี้ มาดูกันเลยว่ามีเครื่องรางอะไรบ้างที่น่าสนใจ! 1. สร้อยข้อมือหินอเมทิสต์ สีม่วงมหากาฬ หินอเมทิสต์นี่ถือว่าเป็นสุดยอดหินเสริมสุขภาพเลยก็ว่าได้ สีม่วงสวยๆ ของมันไม่ได้มีดีแค่สวยนะ แต่เชื่อกันว่าช่วยบำบัดจิตใจและร่างกายได้ด้วย คนโบราณเชื่อว่าหินอเมทิสต์ช่วยขจัดพิษในร่างกาย ลดความเครียด และช่วยให้นอนหลับสบาย วิธีใช้ก็ง่ายมาก แค่ใส่เป็นสร้อยข้อมือ หรือจะเอาไปวางไว้ใต้หมอนตอนนอนก็ได้ แถมยังมีความเชื่อว่าถ้าใส่หินอเมทิสต์แล้วจะช่วยป้องกันอาการเมาค้างด้วยนะ ใครชอบปาร์ตี้บ่อยๆ อาจจะลองดู แต่อย่าลืมว่าดื่มน้ำเยอะๆ ด้วยล่ะ! 2. ตะกรุดมหานิยม เสน่ห์แรงสุขภาพปัง ตะกรุดนี่เป็นของขลังที่อยู่คู่คนไทยมานาน แต่รู้มั้ยว่านอกจากจะช่วยเรื่องเสน่ห์แล้ว ยังมีตะกรุดที่เชื่อว่าช่วยเสริมสุขภาพด้วยนะ ตะกรุดมหานิยมบางอันมีคาถาเกี่ยวกับสุขภาพ เชื่อกันว่าช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย วิธีใช้ก็แล้วแต่สะดวก จะใส่เป็นสร้อยคอ หรือพกติดตัวก็ได้ แต่ระวังนะ ตะกรุดเป็นของสูง ต้องเคารพและดูแลให้ดี ห้ามเอาไปวางในที่ต่ำหรือที่ไม่เหมาะสมเด็ดขาด ไม่งั้นอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเราได้ 3. กำไลหยก เย็นกายสบายใจ หยกนี่ถือว่าเป็นหินมงคลที่คนเอเชียนิยมมาก โดยเฉพาะจีนและไทย เชื่อกันว่าหยกช่วยเสริมพลังชีวิตและสุขภาพได้ กำไลหยกสีเขียวอ่อนๆ นี่แหละที่เชื่อว่าช่วยเรื่องสุขภาพได้ดี

งานก็เยอะ เจ้านายก็กดดัน เพื่อนร่วมงานก็แข่งขันกันสุดๆ ชีวิตการทำงานนี่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน! แต่เฮ้! อย่าเพิ่งท้อ เพราะนอกจากความขยันแล้ว ยังมีเครื่องรางดีๆ ที่เชื่อกันว่าช่วยเสริมดวงการงานได้ด้วยนะ มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง! ทำไมต้องมีเครื่องรางเสริมดวงการงาน? ก่อนจะไปดูว่ามีเครื่องรางอะไรบ้าง มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมคนเราถึงนิยมใช้เครื่องรางเสริมดวงการงาน ก็เพราะว่า… แล้วมีเครื่องรางอะไรบ้างล่ะที่ช่วยเรื่องการงานได้? ไปดูกันเลย! 1. พระพิฆเนศ เทพแห่งความสำเร็จ พระพิฆเนศนี่ถือว่าเป็นเทพที่ใครๆ ก็รู้จัก นอกจากจะช่วยขจัดอุปสรรคแล้ว ยังเชื่อกันว่าช่วยส่งเสริมความสำเร็จในหน้าที่การงานด้วย รูปเคารพพระพิฆเนศมีหลายขนาด ตั้งแต่เล็กจิ๋วพกพาได้ ไปจนถึงขนาดใหญ่ตั้งโต๊ะ วิธีใช้ก็ง่ายๆ แค่วางไว้บนโต๊ะทำงานหรือในห้องทำงาน แต่ถ้าจะให้ดี ลองหาแบบเล็กๆ พกติดตัวไปด้วยก็ได้นะ อย่าลืมบูชาท่านด้วยดอกไม้หรือขนมหวานบ้างล่ะ โดยเฉพาะขนมโมทกะที่ว่ากันว่าเป็นขนมโปรดของท่าน เชื่อว่าจะช่วยเสริมพลังให้กับเครื่องรางได้ดีขึ้น 2. กุมารทอง ผู้ช่วยจิ๋วแต่แจ๋ว กุมารทองนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องรางที่คนไทยเชื่อว่าช่วยเรื่องการงานและธุรกิจได้ดี โดยเฉพาะเรื่องการเจรจาต่อรอง กุมารทองมีทั้งแบบองค์จริงและแบบรูปภาพ ถ้าเป็นองค์จริงก็ต้องดูแลเป็นพิเศษหน่อย ต้องหมั่นให้ของเล่นของกิน ส่วนแบบรูปภาพก็สะดวกกว่า แค่พกติดตัวหรือตั้งไว้ที่โต๊ะทำงานก็ได้ แต่ระวังนะ ถ้าจะเอากุมารทองมาเลี้ยง ต้องตั้งใจจริงๆ เพราะถ้าทอดทิ้งหรือไม่เอาใจใส่ อาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเราได้ ฉะนั้นถ้าไม่พร้อมจริงๆ ก็อย่าเพิ่งเสี่ยงดีกว่า 3. ปลาคาร์ฟ ว่ายทวนน้ำสู่ความสำเร็จ ปลาคาร์ฟนี่ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความพยายามและความสำเร็จในวัฒนธรรมจีน

ใครว่าความรักเป็นเรื่องของดวง? จริงอยู่ที่บางครั้งเราก็ต้องการดวงช่วยนิดหน่อย แต่ถ้ามีเครื่องรางดีๆ มาช่วยเสริม รับรองว่าชีวิตรักของคุณจะสดใสกว่าที่เคย! วันนี้เรามาดูกันว่ามีเครื่องรางอะไรบ้างที่จะช่วยให้หัวใจของคุณเต้นรัวและความรักพุ่งทะยานแบบไม่มีกั๊ก ทำไมถึงต้องมีเครื่องรางเสริมดวงความรัก? ก่อนจะไปดูว่ามีเครื่องรางอะไรบ้าง มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมคนเราถึงนิยมใช้เครื่องรางเสริมดวงความรัก ก็เพราะว่า… แล้วมีเครื่องรางอะไรบ้างล่ะที่ช่วยเรื่องความรักได้? มาดูกันเลย! 1. หินโรสควอตซ์ หินแห่งรักบริสุทธิ์ หินโรสควอตซ์นี่แหละ ที่ใครๆ ก็บอกว่าเป็นหินแห่งความรัก สีชมพูอ่อนๆ ของมันดูน่ารักสุดๆ แถมยังเชื่อกันว่าช่วยเปิดหัวใจให้พร้อมรับความรักใหม่ๆ ได้ด้วย วิธีใช้ก็ง่ายแสนง่าย จะใส่เป็นสร้อย แหวน หรือพกไว้ในกระเป๋าก็ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าอยากให้ได้ผลดีสุดๆ ลองเอาไปวางไว้ใต้หมอนตอนนอนสิ บางคนบอกว่าช่วยให้ฝันเห็นเนื้อคู่ในอนาคตด้วยนะ แต่อย่าลืมล่ะ ต้องทำความสะอาดหินบ้างนะ เพราะเชื่อกันว่าหินจะดูดซับพลังงานต่างๆ เอาไว้ ถ้าไม่ทำความสะอาด พลังรักของหินอาจจะหมดได้ 2. ผ้ายันต์พระแม่โพสพ เสน่ห์แรงจนต้องเหลียวมอง ใครที่อยากมีเสน่ห์แบบเดินไปไหนใครๆ ก็มอง ต้องลองผ้ายันต์พระแม่โพสพนี่แหละ เชื่อกันว่าช่วยเสริมเสน่ห์ได้แบบสุดๆ ผ้ายันต์นี้มักจะมาในรูปแบบของผ้าประจำตัว บางคนก็พับใส่กระเป๋าสตางค์ บางคนก็เอาไปแปะไว้ในรถ หรือถ้าจะให้เก๋ไก๋ ลองเอาไปทำเป็นสติกเกอร์ติดโทรศัพท์มือถือดูสิ รับรองว่าเท่สุดๆ แต่มีข้อแม้อยู่อย่างนึงนะ ห้ามเอาผ้ายันต์ไปไว้ในที่ต่ำหรือที่ไม่เหมาะสมเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้ของขลังเสื่อมได้ แล้วจะหมดเสน่ห์เอานะ 3. น้ำหอมปรุงพิเศษ กลิ่นหอมมัดใจคนรัก

ใครบ้างไม่อยากรวย? แน่นอนว่าทุกคนต้องการมีเงินทองไหลมาเทมา แต่บางทีก็ดูเหมือนว่าโชคชะตาไม่เข้าข้างเราซะที นี่แหละที่มาของเครื่องรางมงคลสำหรับเสริมดวงการเงิน! มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่จะช่วยให้กระเป๋าตังค์ของเราอิ่มหนำสำราญกันนะ ทำไมต้องมีเครื่องรางติดตัว? ก่อนจะไปดูว่ามีเครื่องรางอะไรบ้าง มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมคนถึงนิยมพกพาเครื่องรางติดตัว นั่นเพราะว่า… แต่จะมีเครื่องรางอะไรบ้างล่ะที่ว่ากันว่าช่วยเรื่องการเงินได้? มาดูกันเลย! 1. เหรียญนำโชค ของเก่าแต่เก๋าเสมอ เหรียญนำโชคนี่แหละ ที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับแรกเวลาพูดถึงเครื่องรางเสริมดวงการเงิน แต่รู้มั้ยว่าไม่ใช่เหรียญไหนก็ได้นะที่จะนำโชคให้เรา เหรียญที่ว่ากันว่าเสริมดวงการเงินได้ดีมักจะเป็นเหรียญเก่าๆ ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน อย่างเช่นเหรียญพ่อขุนรามคำแหงหรือเหรียญรัชกาลที่ 5 นี่แหละที่คนไทยนิยมกัน วิธีใช้ก็ง่ายนิดเดียว แค่เอาเหรียญใส่กระเป๋าสตางค์ไว้ แต่อย่าลืมดูแลรักษาให้ดีล่ะ เพราะถ้าเหรียญหาย นอกจากจะเสียดายแล้ว ยังอาจจะซวยตามไปด้วยนะ 2. กุมารทอง น้องน้อยนำทรัพย์ พูดถึงกุมารทอง หลายคนอาจจะนึกถึงเรื่องผีๆ แต่จริงๆ แล้วกุมารทองก็เป็นเครื่องรางที่คนไทยเชื่อว่าช่วยเรื่องโชคลาภและการเงินได้ดีเลยทีเดียว กุมารทองนี่มีหลายแบบ ทั้งแบบองค์จริงและแบบรูปภาพ ถ้าเป็นองค์จริงก็ต้องดูแลเป็นพิเศษหน่อย ต้องหมั่นให้ของเล่นของกิน ส่วนแบบรูปภาพก็สะดวกกว่า แค่พกติดตัวหรือตั้งไว้ที่โต๊ะทำงานก็ได้แล้ว แต่ระวังนะ ถ้าจะเอากุมารทองมาเลี้ยง ต้องตั้งใจจริงๆ เพราะถ้าทอดทิ้งหรือไม่เอาใจใส่ อาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเราได้ ฉะนั้นถ้าไม่พร้อมจริงๆ ก็อย่าเพิ่งเสี่ยงดีกว่า 3. แมวกวัก เรียกทรัพย์เข้าบ้าน ใครที่ชอบแมว ต้องชอบเครื่องรางตัวนี้แน่ๆ แมวกวักนี่เป็นเครื่องรางยอดฮิตของคนเอเชีย โดยเฉพาะญี่ปุ่นและจีน

เกิดวันไหนก็มีของดีประจำตัว! ใครว่าเรื่องเครื่องรางต้องดูดวงอย่างเดียว? วันเกิดก็สำคัญไม่แพ้กันนะเออ วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับเครื่องรางเด็ดๆ ที่เหมาะกับคนเกิดแต่ละวัน รับรองว่าพกติดตัวไว้แล้วจะปังไม่หยุด! แถมยังช่วยเสริมดวง เพิ่มพลัง ดึงดูดโชคลาภเข้ามาแบบไม่ขาดสาย มาดูกันว่าคนเกิดวันไหนควรพกอะไรติดตัวบ้าง เตรียมตัวให้พร้อม เพราะนี่คือไอเท็มที่จะทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนไปตลอดกาล! วันอาทิตย์ แหวนไพลิน ราชาแห่งอัญมณี คนเกิดวันอาทิตย์ถือว่าโชคดีสุดๆ เพราะเครื่องรางประจำตัวคือแหวนไพลิน อัญมณีสีน้ำเงินเข้มที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งอัญมณีทั้งปวง แหวนไพลินไม่ได้มีดีแค่ความสวยงาม แต่ยังเชื่อกันว่ามีพลังในการเสริมสร้างความเป็นผู้นำและอำนาจบารมี คนโบราณเชื่อว่าไพลินช่วยปกป้องผู้สวมใส่จากอันตรายและศัตรู ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น วิธีใช้แหวนไพลินให้ได้ผลสูงสุด ลองสวมที่นิ้วนางข้างซ้าย เชื่อกันว่าจะช่วยเชื่อมโยงพลังของไพลินเข้ากับหัวใจ ทำให้การตัดสินใจต่างๆ มาจากสัญชาตญาณที่แม่นยำ คนเกิดวันอาทิตย์ที่ทำงานในตำแหน่งผู้นำหรือต้องบริหารจัดการคนจำนวนมากอาจรู้สึกได้ถึงความมั่นใจและพลังในการนำที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ที่เจ๋งไปกว่านั้น แหวนไพลินยังเชื่อว่าช่วยดึงดูดโชคลาภและความสำเร็จเข้ามาในชีวิต โดยเฉพาะในเรื่องของหน้าที่การงานและการเลื่อนตำแหน่ง คนเกิดวันอาทิตย์ที่กำลังมองหาโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ ลองหาแหวนไพลินสักวงมาใส่ดู อาจจะได้เลื่อนขั้นเร็วกว่าที่คิดก็ได้นะ วันจันทร์ สร้อยคอไข่มุก ความงามจากท้องทะเล คนเกิดวันจันทร์มีเสน่ห์เฉพาะตัวอยู่แล้ว แต่จะเพิ่มความปังขึ้นไปอีกถ้าได้สร้อยคอไข่มุกมาประดับ ไข่มุกนั้นเป็นอัญมณีที่เกิดจากธรรมชาติในท้องทะเล มีความเชื่อมโยงกับพลังของน้ำและดวงจันทร์ สร้อยคอไข่มุกไม่ใช่แค่เครื่องประดับที่สวยงาม แต่ยังเชื่อกันว่ามีพลังในการสร้างสมดุลทางอารมณ์และจิตใจ ช่วยให้ผู้สวมใส่มีจิตใจที่สงบและมั่นคง แม้ในยามที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่กดดัน วิธีใช้สร้อยคอไข่มุกให้ได้ผลดีที่สุด ให้สวมใส่แบบให้ไข่มุกสัมผัสกับผิวโดยตรง เชื่อกันว่าจะช่วยให้พลังของไข่มุกซึมซาบเข้าสู่ร่างกายได้ดีที่สุด คนเกิดวันจันทร์ที่ทำงานในสายอาชีพที่ต้องพบปะผู้คนหรือต้องใช้ไหวพริบในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าบ่อยๆ อาจรู้สึกได้ถึงสมาธิที่มั่นคงและการตัดสินใจที่แม่นยำมากขึ้น ที่น่าสนใจคือ สร้อยคอไข่มุกยังเชื่อว่าช่วยเสริมเสน่ห์และความน่าดึงดูดใจ โดยเฉพาะในเรื่องความรักและมิตรภาพ คนเกิดวันจันทร์ที่กำลังมองหาคู่ครองหรือต้องการสร้างความประทับใจในการเข้าสังคม ลองหาสร้อยคอไข่มุกสักเส้นมาใส่ดู

ชีวิตในยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เร่งรีบ และความเครียดที่มาพร้อมกับการทำงานและการใช้ชีวิตในสังคมเมือง หลายคนกำลังมองหาวิธีที่จะช่วยให้จิตใจสงบและมีสมาธิมากขึ้น การนั่งสมาธิเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและมีการศึกษาวิจัยมากมายที่แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ต่อสุขภาพกายและใจ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 5 ประโยชน์ของการนั่งสมาธิที่อาจทำให้คุณประหลาดใจและอยากลองปฏิบัติด้วยตัวเอง 1. เพิ่มความหนาของสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำ การนั่งสมาธิไม่เพียงแต่ช่วยให้จิตใจสงบเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อโครงสร้างทางกายภาพของสมองอีกด้วย งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร NeuroReport ได้ศึกษาผลของการฝึกสมาธิต่อโครงสร้างสมอง โดยใช้เทคนิคการถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) พบว่า ผู้ที่ฝึกสมาธิเป็นประจำมีความหนาของเปลือกสมองส่วนฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ฮิปโปแคมปัสเป็นส่วนสำคัญของสมองที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเรียนรู้และความจำ การที่เนื้อเยื่อในบริเวณนี้มีความหนาเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าการนั่งสมาธิอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจดจำข้อมูลและการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่าการนั่งสมาธิช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์สมองที่เกี่ยวข้องกับความจำ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ การเพิ่มความหนาของสมองส่วนนี้ยังส่งผลดีต่อการควบคุมอารมณ์ เนื่องจากฮิปโปแคมปัสมีความเชื่อมโยงกับระบบลิมบิก ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมอารมณ์ของมนุษย์ ดังนั้น การฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอจึงอาจช่วยให้เราสามารถจัดการกับความเครียดและอารมณ์ด้านลบได้ดีขึ้น 2. ลดอาการอักเสบในร่างกายระดับเซลล์ การอักเสบเรื้อรังเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหลายชนิด เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน สหรัฐอเมริกา ได้ค้นพบว่า การนั่งสมาธิสามารถลดการอักเสบในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการศึกษานี้ได้ตรวจวัดระดับของโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบในเลือดของผู้เข้าร่วมการทดลอง ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มที่ฝึกนั่งสมาธิเป็นประจำมีระดับของโปรตีนอักเสบ เช่น Interleukin-6 และ C-reactive protein ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม

วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ 5 สายพันธุ์หมามงคลที่ไม่เพียงแค่น่าเลี้ยง แต่ยังเป็นที่เชื่อกันว่าจะนำโชคลาภและความเฮงๆ มาให้เจ้าของอีกด้วย มาดูกันว่าแต่ละสายพันธุ์มีความพิเศษอะไรบ้าง 1. ปั๊ก เทพแห่งความมั่งคั่งในร่างหมาย่น ปั๊กนั้นไม่ใช่แค่หมาหน้าย่นน่ารักๆ เท่านั้นนะ แต่ในวัฒนธรรมจีนโบราณ พวกเขาถือว่าปั๊กเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งและโชคลาภ ด้วยรูปร่างกลมป้อม และใบหน้าที่ย่นยู่ คล้ายกับเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งในความเชื่อของชาวจีน ปั๊กมีนิสัยร่าเริง ชอบเข้าสังคม และมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ได้ดี พวกเขาจึงเหมาะสำหรับคนที่อยากเสริมดวงในเรื่องการเงินและการงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องพบปะผู้คนมากมายในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ปั๊กยังมีพลังงานบวกที่สามารถช่วยขจัดความเครียดและความวิตกกังวลของเจ้าของได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยเปิดทางให้โชคลาภไหลมาเทมา แถมยังไม่ต้องการพื้นที่มากในการเลี้ยงดู จึงเหมาะกับคนเมืองที่อยู่คอนโดหรืออพาร์ตเมนต์ 2. ชิบะอินุ ผู้พิทักษ์แห่งโชคลาภสไตล์ญี่ปุ่น ชิบะอินุ หรือที่หลายคนเรียกว่า “ชิบะ” นั้นเป็นสุนัขพันธุ์โบราณของญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ชิบะถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์ ความกล้าหาญ และการป้องกันภัย ลักษณะเด่นของชิบะคือความฉลาด ปราดเปรียว และมีความเป็นอิสระสูง พวกเขามีสัญชาตญาณในการปกป้องที่แข็งแกร่ง ซึ่งเชื่อกันว่าสามารถช่วยปกป้องเจ้าของจากพลังงานด้านลบและสิ่งชั่วร้ายได้ ในด้านความเชื่อเรื่องโชคลาภ ชิบะถูกมองว่าเป็นผู้นำพาความมั่งคั่งและความสำเร็จมาสู่ครอบครัว โดยเฉพาะในเรื่องของการงานและธุรกิจ ด้วยความที่พวกเขามีความมุ่งมั่นและความเด็ดเดี่ยว จึงเชื่อกันว่าจะช่วยเสริมพลังให้เจ้าของในการตัดสินใจและการแก้ไขปัญหาต่างๆ นอกจากนี้ ชิบะยังมีขนที่สวยงามและนุ่มฟู ซึ่งในความเชื่อของชาวเอเชียตะวันออก ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความมั่งคั่ง การลูบขนของชิบะจึงเปรียบเสมือนการเรียกทรัพย์เข้าบ้าน 3. บีเกิล