ຊາມູ

ก่อนจะไปดูแต่ละราศี มาดูภาพรวมของปี 2025 กันก่อนดีกว่า ปีนี้ถือว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยทีเดียว ดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นดาวแห่งโชคลาภจะย้ายเข้าสู่ราศีกันย์ ส่งผลให้คนที่ทำงานหนักมาตลอดจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า ในขณะเดียวกัน ดาวเสาร์ซึ่งเป็นดาวแห่งความรับผิดชอบจะย้ายเข้าสู่ราศีมีน ทำให้หลายคนต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ในชีวิต แต่ไม่ต้องกลัวไป เพราะมันจะเป็นโอกาสให้เราได้พิสูจน์ตัวเองด้วย! ราศีเมษ (13 เมษายน – 13 พฤษภาคม) ปีนี้ชาวราศีเมษจะมาแรงแซงทุกราศีเลยล่ะ! ดาวอังคารซึ่งเป็นดาวประจำราศีของคุณจะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งที่ดีมาก ส่งผลให้คุณมีพลังเต็มเปี่ยม กล้าคิดกล้าทำ อยากทำอะไรก็ทำได้เลย แต่ระวังความใจร้อนนิดนึงนะ เพราะอาจทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้ ในเรื่องความรัก คนโสดมีโอกาสเจอคู่แท้สูงมาก ส่วนคนมีคู่จะรักกันหวานชื่นยิ่งขึ้น ด้านการเงิน โอกาสทองกำลังจะมา เตรียมตัวรวยได้เลย! ราศีพฤษภ (14 พฤษภาคม – 13 มิถุนายน) ชาวราศีพฤษภต้องระวังหน่อยนะปีนี้ เพราะดาวเสาร์จะส่งผลให้คุณเจอกับความท้าทายในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะเรื่องการงาน อาจมีอุปสรรคหรือความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงาน แต่ไม่ต้องกลัว! ถือว่าเป็นโอกาสให้คุณได้พิสูจน์ความสามารถ ถ้าผ่านไปได้ รับรองว่าจะแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน ด้านความรัก อาจมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าใจเย็นๆ ก็จะผ่านไปได้ ส่วนเรื่องเงิน ต้องระวังการใช้จ่ายนิดนึง อย่าช็อปมากเกินไปล่ะ! […]

รู้สึกว่าช่วงนี้ดวงตก เซ็งๆ ไม่ค่อยมีอะไรเข้าทางเลยใช่ไหม? ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้เรามี 7 วิธีล้างดวงเสริมมงคลมาฝากกัน รับรองว่าทำง่าย ได้ผลไว แถมไม่ต้องเสียตังค์เยอะด้วย มาดูกันเลยว่ามีวิธีอะไรบ้าง! อาบน้ำมนต์ ล้างซวยชะโชค วิธีแรกที่ง่ายสุดๆ ก็คือการอาบน้ำมนต์นี่แหละ เชื่อกันว่าน้ำมนต์มีพลังในการชำระล้างสิ่งไม่ดีออกจากตัวเรา วิธีทำก็ไม่ยาก แค่หาน้ำมนต์จากวัดที่คุณศรัทธา หรือจะทำเองที่บ้านก็ได้ โดยนำน้ำสะอาดมาสวดมนต์บทชินบัญชรหรือพาหุง 9 จบ แล้วค่อยนำไปอาบ ขั้นตอนการอาบก็ง่ายๆ แค่ตักน้ำมนต์ราดลงบนศีรษะ พร้อมอธิษฐานขอให้สิ่งไม่ดีหลุดออกไปจากชีวิต ทำแบบนี้ติดต่อกัน 3-7 วัน รับรองว่าจะรู้สึกสดชื่น โล่งตัว เหมือนได้ชำระล้างพลังงานเก่าๆ ออกไปเลยล่ะ สะเดาะเคราะห์ด้วยไข่ไก่ วิธีนี้อาจจะฟังดูแปลกๆ หน่อย แต่เชื่อเถอะว่าได้ผลจริง! เราจะใช้ไข่ไก่เป็นตัวดูดซับพลังงานไม่ดีออกจากตัวเรา วิธีทำก็ง่ายมาก แค่เตรียมไข่ไก่สดๆ มา 1 ฟอง จากนั้นนำมาลูบตามร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พร้อมอธิษฐานให้ไข่ดูดซับสิ่งไม่ดีออกไป เมื่อลูบครบทั่วร่างแล้ว ให้นำไข่ไปตอกใส่แก้วน้ำ สังเกตลักษณะของไข่ขาวและไข่แดง ถ้าเห็นเป็นเส้นสายแปลกๆ หรือมีฟองอากาศเยอะ แสดงว่ามีเคราะห์กรรมติดตัวอยู่เยอะ ให้ทำซ้ำอีก 2-3 ครั้งในวันถัดไป จนกว่าไข่จะใสสะอาด

วันนี้เรามาพูดถึงเรื่องการนอนกันบ้างดีกว่า รู้ไหมว่าทิศทางที่เรานอนนั้นสำคัญมากๆ ตามหลักฮวงจุ้ยโบราณ เพราะมันไม่ได้แค่ส่งผลต่อการพักผ่อนของเราเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อโชคชะตาและพลังงานในชีวิตด้วยนะ! มาดูกันเลยว่าเราควรนอนยังไงให้ปังตามหลักฮวงจุ้ย ทำความรู้จักกับฮวงจุ้ยก่อน ก่อนจะไปดูเรื่องทิศทางการนอน เรามาทำความรู้จักกับฮวงจุ้ยกันก่อนดีกว่า ฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์โบราณของจีนที่ว่าด้วยการจัดสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับพลังงานธรรมชาติ เพื่อให้ชีวิตเฮงๆ รุ่งๆ มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา ซึ่งหลักการนี้ก็นำมาใช้กับการจัดห้องนอนและทิศทางการนอนด้วยนั่นเอง ทำไมทิศทางการนอนถึงสำคัญ? คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมทิศทางการนอนถึงสำคัญนักหนา ก็เพราะว่าตามหลักฮวงจุ้ย เชื่อว่าขณะที่เรานอนหลับ ร่างกายและจิตใจของเราจะเปิดรับพลังงานจากธรรมชาติมากที่สุด ถ้าเรานอนถูกทิศ ก็จะได้รับพลังงานดีๆ ทำให้ตื่นมาสดชื่น มีพลัง พร้อมรับวันใหม่ แถมยังช่วยเสริมดวงชะตาอีกต่างหาก แต่ถ้านอนผิดทิศล่ะก็ ระวังจะตื่นมาหงุดหงิด อารมณ์เสีย งานการไม่ราบรื่นเอานะ หลักการเลือกทิศทางนอนตามฮวงจุ้ย ตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว การเลือกทิศทางนอนจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ที่สำคัญที่สุดคือ “ธาตุประจำตัว” ของเรา ซึ่งคำนวณได้จากปีเกิดตามปฏิทินจันทรคติจีน โดยแบ่งออกเป็น 5 ธาตุ ได้แก่ ไม้ ไฟ ดิน ทอง และน้ำ แต่ละธาตุก็จะมีทิศที่เหมาะสมแตกต่างกันไป แต่นี่เป็นแค่หลักการกว้างๆ นะ ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเพียบ เดี๋ยวเราจะไปดูกันทีละทิศเลย ทิศเหนือ ทิศแห่งความก้าวหน้า ทิศเหนือเป็นทิศที่เหมาะกับคนธาตุน้ำ การนอนหันหัวไปทางทิศเหนือจะช่วยเสริมในเรื่องของหน้าที่การงาน

เคยได้ยินคำว่า “เบญจเพศ” กันไหม? หลายคนอาจจะเคยได้ยินผ่านหูผ่านตามาบ้าง แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเบญจเพศให้มากขึ้น และแนะนำวิธีรับมือเมื่อต้องเผชิญกับช่วงเวลานี้กัน เบญจเพศคืออะไร? เบญจเพศ หรือที่บางคนเรียกว่า “เบญจเคราะห์” เป็นช่วงเวลาในชีวิตที่เชื่อกันว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และชะตาชีวิต ตามความเชื่อทางโหราศาสตร์ไทย เบญจเพศจะเกิดขึ้นทุกๆ 8 ปี เริ่มตั้งแต่อายุ 16 ปี, 24 ปี, 32 ปี, 40 ปี, 48 ปี, 56 ปี, 64 ปี และ 72 ปี ในช่วงเบญจเพศนี้ เชื่อกันว่าดวงชะตาจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก อาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ทั้งดีและร้าย บางคนอาจพบกับโชคลาภ การเลื่อนตำแหน่ง หรือความสำเร็จในชีวิต ในขณะที่บางคนอาจเจอกับอุปสรรค ปัญหาสุขภาพ หรือความผิดหวังในความสัมพันธ์ ทำไมต้องรับมือกับเบญจเพศ? แม้ว่าเบญจเพศจะเป็นเพียงความเชื่อทางโหราศาสตร์ แต่หลายคนก็ให้ความสำคัญกับมัน เพราะช่วงอายุที่เกิดเบญจเพศนั้นมักตรงกับช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญในชีวิต เช่น การเตรียมตัวและรับมือกับเบญจเพศอย่างถูกวิธี จึงอาจช่วยให้เราผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านเหล่านี้ไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้น วิธีรับมือกับเบญจเพศ

ยุคนี้ใครๆ ก็อยากรู้ดวงชะตาตัวเอง แต่จะให้ไปหาหมอดูทุกวันก็คงไม่ไหว เลยมีแอปดูดวงออนไลน์เกิดขึ้นมาเพียบเลย วันนี้เราเลยจะพาไปรู้จักกับ 10 แอปดูดวงยอดนิยมที่คนไทยชอบใช้กัน มาดูกันว่ามีแอปอะไรบ้าง แต่ละแอปมีจุดเด่นจุดด้อยยังไง Horoscope แอปแรกที่จะแนะนำก็คือ Horoscope เป็นแอปดูดวงสัญชาติอเมริกันที่ได้รับความนิยมทั่วโลก รวมถึงในไทยด้วย จุดเด่นของแอปนี้คือมีการอัปเดตคำทำนายทุกวัน ทั้งดวงรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่างการดูดวงความเข้ากันกับคนรัก และการแจ้งเตือนเมื่อมีดาวดวงสำคัญโคจรผ่าน แอปนี้ใช้ระบบราศีแบบตะวันตก 12 ราศี ตั้งแต่ราศีเมษถึงราศีมีน ข้อดีคือใช้งานง่าย อินเตอร์เฟซสวยงาม แต่ข้อเสียคือภาษาที่ใช้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด อาจจะไม่สะดวกสำหรับคนที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษ และคำทำนายอาจจะไม่เข้ากับบริบทของคนไทยมากนัก Meb Taro ถัดมาเป็นแอปของคนไทยอย่าง Meb Taro ที่เน้นการดูดวงด้วยไพ่ทาโร่ แอปนี้มีจุดเด่นตรงที่ให้ผู้ใช้สามารถเลือกไพ่ได้ด้วยตัวเอง คล้ายกับการไปดูกับหมอดูจริงๆ โดยมีการอธิบายความหมายของไพ่แต่ละใบอย่างละเอียด นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์การดูดวงแบบอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การดูดวงตามวันเกิด การทำนายฝัน และการขอพร ข้อดีของแอปนี้คือใช้ภาษาไทยทั้งหมด เข้าใจง่าย และมีคำอธิบายที่ค่อนข้างละเอียด แต่ข้อเสียคือการดูดวงแต่ละครั้งอาจจะใช้เวลานานกว่าแอปอื่นๆ เพราะต้องเลือกไพ่และอ่านคำอธิบายเอง และบางคนอาจจะรู้สึกว่าคำทำนายซ้ำๆ หากใช้บ่อย หมอดู by Ponudee แอปนี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนไทย

เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมบางคนถึงชอบเลขนั้นเลขนี้ หรือทำไมบางคนถึงกลัวเลข 13 กันนักหนา? ความจริงแล้ว มันมีเหตุผลลึกๆ อยู่นะ เพราะตัวเลขไม่ได้มีไว้แค่นับ 1 2 3 เท่านั้น แต่มันยังเป็นภาษาลับๆ ที่บอกอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับชีวิตเราด้วย มาดูกันดีกว่าว่าศาสตร์แห่งตัวเลขนี่มันคืออะไร และมันเกี่ยวข้องกับดวงชะตาของเรายังไง ศาสตร์แห่งตัวเลขคืออะไร? ศาสตร์แห่งตัวเลข หรือที่เรียกเป็นภาษาเท่ๆ ว่า “นูเมโรโลยี” (Numerology) นี่ เป็นความเชื่อที่ว่าตัวเลขแต่ละตัวมีพลังงานและความหมายเฉพาะตัว ซึ่งสามารถบอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเรา ชีวิตเรา หรือแม้แต่อนาคตของเราได้ คล้ายๆ กับที่เราเชื่อว่าดวงดาวมีผลต่อชะตาชีวิตยังไงล่ะ ศาสตร์นี้มีประวัติยาวนานมาก ย้อนไปได้ถึงสมัยอียิปต์และบาบิโลนโบราณเลยทีเดียว แต่คนที่ทำให้มันฮิตในยุคปัจจุบันคือ นักปรัชญาชาวกรีกชื่อ พีธากอรัส ที่เราเคยเรียนทฤษฎีเกี่ยวกับสามเหลี่ยมในวิชาคณิตศาสตร์นั่นแหละ เขาเชื่อว่าจักรวาลทั้งหมดสามารถอธิบายได้ด้วยตัวเลข ตัวเลขแต่ละตัวมีความหมายยังไง? เอาล่ะ มาดูกันว่าตัวเลขแต่ละตัวมันสื่อความหมายอะไรบ้าง วิธีคำนวณตัวเลขประจำตัว ทีนี้ คุณอาจจะสงสัยว่า “แล้วฉันเป็นเลขอะไรล่ะ?” ง่ายมาก! เราสามารถคำนวณได้จากวันเดือนปีเกิดของคุณ วิธีการก็คือ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเกิดวันที่ 15 เดือน 7 ปี 1990 1 +

โหราศาสตร์ไทยมีประวัติความเป็นมายาวนาน ย้อนกลับไปได้ถึงสมัยสุโขทัย แต่รูปแบบที่เราคุ้นเคยในปัจจุบันนั้นเริ่มชัดเจนขึ้นในสมัยอยุธยา โดยได้รับอิทธิพลมาจากโหราศาสตร์อินเดีย พราหมณ์ และจีน ผสมผสานกับความเชื่อดั้งเดิมของไทย ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีการรวบรวมตำราโหราศาสตร์ไทยไว้ในหนังสือไตรภูมิพระร่วง ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ของศาสตร์นี้ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 โหราศาสตร์ไทยได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้เป็นระบบมากขึ้น โดยเฉพาะจากการศึกษาและเผยแพร่ของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งโหราศาสตร์ไทยสมัยใหม่ หลักการพื้นฐานของโหราศาสตร์ไทย โหราศาสตร์ไทยมีหลักการสำคัญคือการใช้วันเดือนปีเกิดตามปฏิทินจันทรคติไทยในการคำนวณดวงชะตา โดยแบ่งชีวิตออกเป็น 12 ราศี หรือที่เรียกว่า “เรือนชะตา” แต่ละเรือนจะแทนด้านต่างๆ ของชีวิต เช่น ตัวตน ทรัพย์สิน ญาติพี่น้อง บ้าน ความรัก ลูก การงาน คู่ครอง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังใช้ดาวเคราะห์ 9 ดวง หรือที่เรียกว่า “นพเคราะห์” ในการทำนาย ได้แก่ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู และพระเกตุ

กำลังมองหาบ้านใหม่อยู่ใช่ไหม? รู้หรือเปล่าว่านอกจากดูทำเลดี ๆ แล้ว การเช็คฮวงจุ้ยก็สำคัญไม่แพ้กัน! มาดูกันว่าเราจะเลือกบ้านยังไงให้ถูกหลักฮวงจุ้ย ชีวิตปังตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าบ้าน ทำเลทอง มากกว่าแค่ใกล้รถไฟฟ้า ใช่! ใกล้ BTS หรือ MRT ก็เจ๋งแล้ว แต่ในมุมของฮวงจุ้ย ยังมีอะไรให้ดูอีกเพียบ มองรอบบ้าน เพื่อนบ้านก็สำคัญ ไม่ใช่แค่ตัวบ้านที่ต้องดูนะ สิ่งรอบ ๆ บ้านก็สำคัญไม่แพ้กัน หน้าบ้านสำคัญไฉน? หน้าบ้านคือด่านแรกที่จะต้อนรับพลังงานดี ๆ เข้าบ้าน มาดูกันว่าต้องเช็คอะไรบ้าง ทิศทางบ้าน หันไปทางไหนดี? ทิศทางของบ้านสำคัญมาก ๆ ในหลักฮวงจุ้ยแต่ละทิศมีพลังงานเฉพาะตัว แต่! อย่าเพิ่งยึดติดกับทิศมากเกินไป เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณาด้วย เช่น สภาพแวดล้อมโดยรอบ ลักษณะภูมิประเทศ และการออกแบบภายในบ้าน ซึ่งสามารถช่วยปรับสมดุลพลังงานได้แม้ทิศทางบ้านจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด เช็คพลังงานในบ้าน ฟีลดีไหม? นี่อาจฟังดูแปลก ๆ แต่ลองสังเกตความรู้สึกของตัวเองตอนเข้าไปในบ้านดูสิ สรุป เลือกบ้านอย่างชาญฉลาด การเลือกบ้านตามหลักฮวงจุ้ยไม่ใช่เรื่องยาก แค่ใส่ใจในรายละเอียดและฟังเสียงหัวใจตัวเองด้วย อย่าลืมว่าบ้านที่ดีที่สุดคือบ้านที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุขและปลอดภัย ในการเลือกบ้าน ลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้

ชีวิตวุ่นวาย เครียดจนหัวจะระเบิด อยากหาที่พักใจสักหน่อยใช่ไหม? ลองมาจัดสวนตามหลักฮวงจุ้ยดูสิ! รับรองว่าไม่ใช่แค่ได้พื้นที่สวย ๆ แต่ยังได้แหล่งชาร์จพลังชีวิตแบบเต็ม ๆ ด้วย มาดูกันว่าเราจะเนรมิตสวนธรรมดา ๆ ให้กลายเป็นโอเอซิสแห่งพลังบวกได้ยังไง เริ่มต้นด้วยการวางแผน คิดให้ใหญ่ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ ก่อนจะลงมือทำอะไร มาวางแผนกันก่อนดีกว่า! เริ่มจากการสำรวจพื้นที่ที่เรามี ไม่ว่าจะเป็นสวนหลังบ้าน ระเบียงคอนโด หรือแม้แต่มุมเล็ก ๆ ในห้อง ทุกพื้นที่มีศักยภาพที่จะกลายเป็นสวนฮวงจุ้ยได้ทั้งนั้น ลองนึกถึงเป้าหมายชีวิตของเราดูสิ อยากเสริมด้านไหนเป็นพิเศษ? พอรู้เป้าหมายแล้ว เราก็จะสามารถเลือกองค์ประกอบที่เหมาะสมได้ง่ายขึ้น เคล็ดลับเด็ด: วาดแผนผังสวนคร่าว ๆ แล้วแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนตามทิศต่าง ๆ ตามหลักฮวงจุ้ย จะช่วยให้เราจัดวางองค์ประกอบได้เป๊ะปังมากขึ้น ปลูกต้นไม้ให้ถูกโฉลก เลือกให้เป๊ะ ปังทั้งชีวิต ต้นไม้คือหัวใจสำคัญของสวนฮวงจุ้ย แต่ละชนิดมีพลังเฉพาะตัว เลือกให้เหมาะกับสิ่งที่เราต้องการกันเถอะ ต้นไม้มงคลที่น่าสนใจ ปลูกต้นไม้เป็นกลุ่มเลขคี่ เช่น 3, 5, หรือ 7 ต้น ตามความเชื่อจีน เลขคี่จะช่วยเสริมพลังได้ดีกว่าเลขคู่ น้ำพุ เสียงซ่าที่ชาร์จชีวิต น้ำพุไม่ใช่แค่ของตกแต่งธรรมดา

รู้ยังว่าสีที่เราใช้ในชีวิตประจำวันนั้นมีผลต่อพลังงานและความรู้สึกของเรามากกว่าที่คิด? ใช่แล้ว! ในโลกของฮวงจุ้ย สีไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่มันยังเป็นเครื่องมือทรงพลังที่จะช่วยเสริมพลังบวกให้ชีวิตของเราด้วย มาดูกันว่าเราจะใช้สีให้เป็นประโยชน์ตามหลักฮวงจุ้ยได้ยังไงบ้าง! ทำไมสีถึงสำคัญในฮวงจุ้ย? ก่อนจะไปดูว่าแต่ละสีมีความหมายยังไง มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมสีถึงเป็นเรื่องใหญ่ในโลกของฮวงจุ้ย มาดูกันว่าแต่ละสีมีความหมายยังไงบ้าง! 1. สีแดง พลังแห่งไฟและความมีชีวิตชีวา สีแดงในฮวงจุ้ยเป็นตัวแทนของธาตุไฟ มีพลังมากที่สุดในบรรดาสีทั้งหมด ความหมาย ใช้ยังไงให้ปัง ระวัง: อย่าใช้สีแดงมากเกินไปในห้องนอน เพราะอาจทำให้นอนไม่หลับ! 2. สีเหลือง พลังแห่งดินและความมั่นคง สีเหลืองในฮวงจุ้ยเชื่อมโยงกับธาตุดิน ให้ความรู้สึกอบอุ่นและมั่นคง ความหมาย ใช้ยังไงให้ปัง ลองใช้สีเหลืองในห้องทำงานเพื่อเสริมสมาธิและความคิดสร้างสรรค์ 3. สีเขียว พลังแห่งไม้และการเติบโต สีเขียวในฮวงจุ้ยเป็นตัวแทนของธาตุไม้ สื่อถึงการเติบโตและความสมดุล ความหมาย ใช้ยังไงให้ปัง สีเขียวเป็นสีที่ดีมากสำหรับคนที่ทำงานหนักและต้องการความสมดุลในชีวิต 4. สีน้ำเงิน พลังแห่งน้ำและความสงบ สีน้ำเงินในฮวงจุ้ยเชื่อมโยงกับธาตุน้ำ ให้ความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย ความหมาย ใช้ยังไงให้ปัง ถ้าทำงานเกี่ยวกับการสื่อสาร ลองใส่เสื้อสีน้ำเงินในวันสำคัญ จะช่วยเสริมพลังการสื่อสารได้ดีเลย 5. สีขาว พลังแห่งโลหะและความบริสุทธิ์ สีขาวในฮวงจุ้ยเป็นตัวแทนของธาตุโลหะ สื่อถึงความบริสุทธิ์และความสะอาด ความหมาย ใช้ยังไงให้ปัง ถ้ารู้สึกว่าชีวิตวุ่นวาย ลองใช้สีขาวในการแต่งตัวหรือตกแต่งบ้านมากขึ้น