สายมูอเมริกัน คูลแค่ไหน ต้องลอง!

สายมูอเมริกัน คูลแค่ไหน ต้องลอง!

ใครว่าຊາມູมีแต่ในเมืองไทย? ผิดถนัด! แดนมะกันก็มีสายมูเหมือนกันนะเออ แถมยังเจ๋งไม่แพ้บ้านเราซะด้วย มาดูกันว่าสายมูอเมริกันเขาเชื่ออะไรกันบ้าง แล้วมันคูลขนาดไหน

จากฮิปปี้สู่นิวเอจ ต้นกำเนิดสายมูอเมริกัน

รู้มั้ยว่าสายมูในอเมริกาเริ่มต้นยังไง? ย้อนกลับไปช่วงยุค 60s-70s เลยนะเว้ย! ตอนนั้นมีกลุ่มฮิปปี้ที่เบื่อวิถีชีวิตแบบทุนนิยม เลยหันมาสนใจเรื่องจิตวิญญาณแทน พวกเขาเริ่มศึกษาปรัชญาตะวันออก โยคะ สมาธิ แล้วก็ผสมผสานกับความเชื่อดั้งเดิมของชาวอินเดียนแดง

จากตรงนั้นแหละ มันก็กลายเป็นกระแสที่เรียกว่า “นิวเอจ” ขึ้นมา คนอเมริกันเริ่มสนใจเรื่องพลังงาน จักรวาล การเยียวยาด้วยพลังธรรมชาติ มันเป็นทางเลือกใหม่ที่แตกต่างจากศาสนากระแสหลักอย่างคริสต์ศาสนา

คริสตัลเธอราปี พลังหินศักดิ์สิทธิ์

พูดถึงสายมูอเมริกัน ต้องพูดถึงคริสตัลเธอราปีเลย! เชื่อมั้ยว่าหินสวยๆ พวกนี้มีพลังพิเศษ? คนอเมริกันเชื่อกันว่าคริสตัลแต่ละชนิดมีคุณสมบัติเฉพาะตัว บางก้อนช่วยเรื่องความรัก บางก้อนช่วยเรื่องการงาน

วิธีใช้ก็ง่ายฉิบ แค่เอาไปวางไว้ในบ้าน พกติดตัว หรือจะเอามาทำเป็นเครื่องประดับก็ได้ บางคนถึงขั้นเอามาวางบนร่างกายเพื่อปรับสมดุลพลังงาน เรียกว่าเป็นการบำบัดแบบ holistic เลยทีเดียว

ไพ่ทาโรต์ เปิดดวงสไตล์อเมริกัน

อีกอย่างที่ฮิตสุดๆ ในหมู่สายมูอเมริกันก็คือการดูดวงด้วยไพ่ทาโรต์ ไพ่พวกนี้มีภาพสวยๆ แต่ละใบมีความหมายลึกซึ้ง คนอเมริกันเชื่อว่ามันสามารถทำนายอนาคตและให้คำแนะนำในชีวิตได้

การดูดวงด้วยไพ่ทาโรต์ไม่ได้มีแค่ในร้านดูดวงนะ ตอนนี้มันกลายเป็นกิจกรรมยอดฮิตในปาร์ตี้วัยรุ่นไปแล้ว ลองนึกภาพดูสิ เพื่อนๆ นั่งล้อมวงกัน แล้วผลัดกันเปิดไพ่ดูดวง มันต้องสนุกแค่ไหน!

โหราศาสตร์ ดูดวงตามวันเกิด

พูดถึงการดูดวง ต้องพูดถึงโหราศาสตร์ด้วย คนอเมริกันเขาก็มีราศีเหมือนเรานั่นแหละ แต่เขาเรียกว่า Zodiac Sign ซึ่งแบ่งตามวันเดือนเกิด แต่ละราศีจะมีลักษณะนิสัยและดวงชะตาที่แตกต่างกันไป

ที่ฮิตมากๆ ก็คือการอ่านดวงรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนตามราศีของตัวเอง มีทั้งในนิตยสาร เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น ไปจนถึงโซเชียลมีเดียต่างๆ บางคนถึงขั้นตัดสินใจเรื่องสำคัญในชีวิตตามคำทำนายเลยนะ

เรกิ พลังบำบัดจากฝ่ามือ

เรกิเป็นศาสตร์การบำบัดที่มาจากญี่ปุ่น แต่ดันมาบูมในอเมริกา เป็นการใช้พลังงานจากฝ่ามือเพื่อรักษาโรคและปรับสมดุลร่างกาย จิตใจ อารมณ์

คนที่ทำเรกิจะวางมือบนร่างกายของคนไข้ โดยเชื่อว่าพลังงานจะถูกส่งผ่านจากผู้บำบัดไปยังผู้รับการบำบัด ช่วยขจัดพลังงานลบและเติมเต็มพลังงานบวก ฟังดูเหมือนเวทมนตร์เลยใช่มั้ยล่ะ?

สมาธิและโยคะ ฝึกจิตแบบตะวันตก

สมาธิและโยคะกลายเป็นเทรนด์ใหญ่ในอเมริกาไปแล้ว มีสตูดิโอโยคะเปิดเต็มไปหมด แถมยังมีแอพสอนทำสมาธิมากมาย คนอเมริกันเชื่อว่าการฝึกสมาธิและโยคะช่วยลดความเครียด เพิ่มสมาธิ และทำให้สุขภาพดีขึ้น

ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือ เดี๋ยวนี้มีการผสมผสานโยคะกับกิจกรรมอื่นๆ ด้วยนะ เช่น เบียร์โยคะ ที่ให้ดื่มเบียร์ระหว่างฝึกโยคะ หรือแพะโยคะ ที่มีแพะน่ารักๆ มาวิ่งเล่นรอบๆ ขณะที่คุณกำลังฝึกอยู่ น่าลองชะมัด!

ฝันแบบมีสติ ควบคุมความฝันได้จริงหรือ?

อีกเรื่องที่กำลังมาแรงในหมู่สายมูอเมริกันก็คือการฝันแบบมีสติ หรือ Lucid Dreaming นี่คือการที่คุณรู้ตัวว่ากำลังฝันอยู่ และสามารถควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นในความฝันได้

คนที่ฝึกฝันแบบมีสติเชื่อว่ามันช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ แก้ปัญหาในชีวิตจริง และเอาชนะความกลัวได้ ลองนึกภาพดูสิ คุณสามารถบินได้ เดินทางไปที่ไหนก็ได้ในความฝัน มันต้องเจ๋งแค่ไหน!

พลังงานบำบัด รักษาโรคด้วยพลังจักรวาล

พลังงานบำบัดเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สายมูอเมริกันนิยม เป็นการรักษาโรคโดยไม่ใช้ยาหรือการผ่าตัด แต่ใช้พลังงานจากจักรวาลแทน ฟังดูแปลกๆ ใช่มั้ยล่ะ?

มีหลายวิธีในการทำพลังงานบำบัด เช่น การสวดมนต์ การทำสมาธิ หรือการใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อปรับสมดุลพลังงานในร่างกาย บางคนบอกว่ามันช่วยรักษาโรคที่แพทย์แผนปัจจุบันรักษาไม่หายได้เลยนะ

ดีท็อกซ์ ล้างพิษทั้งกายและใจ

การดีท็อกซ์เป็นที่นิยมมากในหมู่สายมูอเมริกัน ไม่ใช่แค่ล้างพิษในร่างกายเท่านั้น แต่รวมถึงการล้างพิษทางจิตใจด้วย

มีหลายวิธีในการดีท็อกซ์ เช่น การอดอาหาร การดื่มน้ำผักผลไม้ การอบซาวน่า หรือแม้แต่การงดใช้โซเชียลมีเดีย บางคนถึงขั้นไปเข้าค่ายดีท็อกซ์หลายวัน เพื่อปลดปล่อยพิษทั้งหมดออกจากร่างกายและจิตใจ

สรุป สายมูอเมริกันเขาเจ๋งจริงๆ นะ

เป็นไงล่ะ? สายมูในอเมริกาเขาก็เจ๋งไม่แพ้ใครเลยใช่มั้ยล่ะ? จากฮิปปี้ยุค 60 มาจนถึงยุคดิจิทัล วัฒนธรรมสายมูในอเมริกาก็ยังคงเติบโตและพัฒนาไปเรื่อยๆ

ไม่ว่าจะเป็นการใช้คริสตัล การดูดวง การทำสมาธิ หรือแม้แต่การจัดงานเทศกาลขนาดใหญ่ ทุกอย่างล้วนแสดงให้เห็นถึงความสนใจในเรื่องจิตวิญญาณที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมอเมริกัน

แม้บางอย่างอาจจะดูแปลกๆ หรือเชื่อยากไปบ้าง แต่มันก็ทำให้ชีวิตของผู้คนมีสีสันและความหมายมากขึ้น ใครจะไปรู้ล่ะ? บางทีเราอาจจะได้เห็นเทรนด์สายมูแบบอเมริกันแพร่หลายมาถึงบ้านเราในไม่ช้านี้ก็ได้!

ເລື່ອນໄປເທິງ