นั่งสมาธิยังไงให้ชิล ไม่มีเบื่อ แถมได้ผลเวอร์

นั่งสมาธิยังไงให้ชิล ไม่มีเบื่อ แถมได้ผลเวอร์

ใครว่านั่งสมาธิต้องน่าเบื่อ? วันนี้เรามีเทคนิคเด็ดๆ มาฝาก รับรองว่าทำตามแล้วการนั่งสมาธิของคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป! ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดนั่ง หรือคนที่เคยลองแล้วแต่ยังไม่เวิร์ค บทความนี้มีคำตอบให้ทุกคน มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนเริ่มภารกิจสงบจิต

ก่อนจะเริ่มนั่งสมาธิ การเตรียมตัวให้พร้อมเป็นสิ่งสำคัญมาก แต่ไม่ต้องกังวลไป! มันไม่ได้ยากอย่างที่คิด

  1. หาสถานที่ที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องเป็นวัดหรือสำนักปฏิบัติธรรม แค่มุมสงบๆ ในบ้านก็พอ อาจจะเป็นห้องนอน ระเบียง หรือแม้แต่มุมเล็กๆ ในห้องนั่งเล่นก็ได้
  2. แต่งตัวให้สบาย ใส่เสื้อผ้าหลวมๆ ไม่รัดรูป ไม่ต้องแต่งตัวเป็นทางการ แค่ใส่ชุดที่ทำให้รู้สึกสบายตัวที่สุดก็พอ
  3. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม แค่มีเบาะนั่งนุ่มๆ สักอัน หรือถ้าไม่มีก็ใช้หมอนอิงแทนก็ได้ ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์แพงๆ มาก็ได้
  4. ตั้งนาฬิกาปลุก ให้เวลาตัวเองสัก 10-15 นาที สำหรับมือใหม่ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องตั้งเป้าว่าจะนั่งนานๆ ตั้งแต่แรก
  5. บอกคนในบ้านให้รู้ว่าเราจะนั่งสมาธิ จะได้ไม่มีใครมารบกวน แต่ถ้าอยู่คนเดียวก็ไม่ต้องกังวล แค่ปิดเสียงโทรศัพท์ก็พอ

เทคนิคการนั่งที่ถูกต้อง ไม่ปวดหลัง ไม่เมื่อยขา

หลายคนกลัวว่าจะนั่งไม่ถูก แล้วจะปวดหลังปวดขา จริงๆ แล้วไม่ยากเลย ลองทำตามนี้ดู

  1. นั่งขัดสมาธิ หรือนั่งพับเพียบก็ได้ เลือกท่าไหนที่รู้สึกสบายที่สุด ไม่จำเป็นต้องนั่งขัดสมาธิเป๊ะๆ เหมือนพระพุทธรูป
  2. หลังตรง แต่ไม่ต้องเกร็ง จินตนาการว่ามีเชือกผูกศีรษะเราไว้กับเพดาน ดึงให้หลังตรงแต่ไม่แข็งทื่อ
  3. วางมือไว้บนตัก จะคว่ำมือหรือหงายมือก็ได้ตามถนัด บางคนชอบวางมือซ้อนกัน บางคนชอบวางแยกกัน ลองดูว่าแบบไหนสบายที่สุด
  4. หลับตาเบาๆ ไม่ต้องหลับตาปี๋เหมือนนอนหลับ แค่หรี่ตาลงเบาๆ ให้รู้สึกผ่อนคลาย
  5. ยิ้มบางๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าผ่อนคลาย ไม่ต้องยิ้มกว้างเหมือนถ่ายรูป แค่ยิ้มน้อยๆ ให้รู้สึกสบายใจ

เทคนิคการหายใจ สูดลมหายใจเข้าออกอย่างไรให้ผ่อนคลาย

การหายใจเป็นหัวใจสำคัญของการนั่งสมาธิ แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะทำไม่ถูก เพราะมันง่ายมาก

  1. หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ผ่านจมูก สังเกตความรู้สึกของลมหายใจที่ผ่านเข้ามา
  2. กลั้นหายใจสักครู่ นับ 1-2-3 ในใจ
  3. ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกทางปาก ช้าๆ ยาวๆ
  4. ทำแบบนี้ซ้ำๆ สัก 5-10 ครั้ง หรือจนกว่าจะรู้สึกผ่อนคลาย
  5. หลังจากนั้น ก็หายใจตามปกติ แต่ยังคงสังเกตลมหายใจเข้าออกอยู่

เทคนิคการจัดการความคิด เมื่อสมองวอกแวกไม่ยอมอยู่นิ่ง

ปัญหาใหญ่ของคนนั่งสมาธิคือสมองชอบคิดไปเรื่อยเปื่อย แต่ไม่ต้องตกใจ มันเป็นเรื่องปกติ ลองใช้เทคนิคเหล่านี้ดู

  1. ไม่ต้องพยายามหยุดความคิด แค่รับรู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แล้วปล่อยมันผ่านไป
  2. จินตนาการว่าความคิดเป็นเหมือนก้อนเมฆที่ลอยผ่านไปบนท้องฟ้า มองมันลอยผ่านไปเฉยๆ
  3. ถ้ามีความคิดที่รบกวนมากๆ ลองตั้งชื่อให้มัน เช่น “นี่คือความกังวลเรื่องงาน” แล้วปล่อยมันไป
  4. ถ้ายังวอกแวกอยู่ ลองนับลมหายใจ นับ 1 เมื่อหายใจเข้า นับ 2 เมื่อหายใจออก นับไปเรื่อยๆ จนถึง 10 แล้วเริ่มนับ 1 ใหม่
  5. อย่าตำหนิตัวเองถ้าคิดมาก ทุกคนก็เป็นแบบนี้ แค่รับรู้แล้วกลับมาโฟกัสที่ลมหายใจใหม่

เทคนิคการใช้มันตรา บทสวดหรือคำพูดซ้ำๆ เพื่อเพิ่มสมาธิ

การท่องมันตราหรือบทสวดสั้นๆ ซ้ำๆ สามารถช่วยให้จิตใจจดจ่อได้ดีขึ้น ลองดูเทคนิคเหล่านี้

  1. เลือกคำหรือวลีสั้นๆ ที่มีความหมายดีๆ เช่น “สงบ” “ผ่อนคลาย” “ฉันมีความสุข”
  2. ท่องคำนั้นในใจซ้ำๆ พร้อมกับการหายใจเข้าออก
  3. ถ้าชอบภาษาบาลี ลองใช้คำว่า “พุท” ตอนหายใจเข้า และ “โธ” ตอนหายใจออก
  4. ถ้าไม่ชอบการท่อง ลองฮัมเพลงง่ายๆ ในใจแทนก็ได้
  5. อย่าท่องเร็วเกินไป ให้ท่องช้าๆ ตามจังหวะลมหายใจ

เทคนิคการใช้จินตนาการ สร้างภาพในใจเพื่อเพิ่มความสงบ

การใช้จินตนาการสามารถช่วยให้จิตใจสงบได้ง่ายขึ้น ลองใช้เทคนิคเหล่านี้ดู

  1. จินตนาการว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ริมทะเล ฟังเสียงคลื่น สัมผัสลมทะเล
  2. นึกภาพแสงสีขาวนวลอ่อนๆ ล้อมรอบตัวเรา ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย
  3. จินตนาการว่ากำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ รู้สึกถึงความร่มเย็นและความสงบ
  4. นึกภาพดอกบัวบานช้าๆ พร้อมกับลมหายใจเข้าออกของเรา
  5. จินตนาการว่าความเครียดและความกังวลกำลังละลายออกจากตัวเรา เหมือนน้ำแข็งละลาย

เทคนิคการนั่งสมาธิแบบเคลื่อนไหว สำหรับคนที่นั่งนิ่งๆ ไม่ได้

บางคนอาจรู้สึกว่านั่งนิ่งๆ เป็นเรื่องยาก ไม่เป็นไร! ลองใช้เทคนิคการนั่งสมาธิแบบเคลื่อนไหวดู

  1. ลองเดินช้าๆ โดยมีสติอยู่กับการเคลื่อนไหวของเท้าแต่ละก้าว
  2. ทำท่าโยคะง่ายๆ แล้วโฟกัสที่ลมหายใจและความรู้สึกของกล้ามเนื้อ
  3. ลองทำ “ไทชิ” การเคลื่อนไหวช้าๆ แบบจีน ที่ช่วยเพิ่มสมาธิและการทรงตัว
  4. วาดรูปหรือระบายสีอย่างมีสติ โดยจดจ่ออยู่กับการเคลื่อนไหวของมือและสีสัน
  5. ฟังเพลงที่มีจังหวะช้าๆ แล้วขยับร่างกายเบาๆ ตามจังหวะ
เลื่อนไปด้านบน