รู้ไหมว่าการวางศาลพระภูมิไม่ใช่แค่เอาไปตั้งตรงไหนก็ได้นะ มันมีเคล็ดลับเยอะแยะเลยที่จะช่วยเสริมดวงบ้านให้ปังสุด ๆ มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง!
ความสำคัญของศาลพระภูมิ
ก่อนจะไปดูวิธีวางศาลพระภูมิ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมศาลพระภูมิถึงสำคัญนักหนา ศาลพระภูมิเป็นที่สถิตของเทพารักษ์หรือเจ้าที่ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผู้ปกปักรักษาบ้านและที่ดิน การมีศาลพระภูมิที่ถูกต้องจะช่วยให้บ้านมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุข ปลอดภัย และเจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าวางผิดที่ผิดทางล่ะก็ ระวังจะกลายเป็นการเรียกสิ่งไม่ดีเข้าบ้านแทนนะ!
การเลือกตำแหน่งวางศาลพระภูมิ
เรื่องแรกเลยที่ต้องรู้คือการเลือกตำแหน่งวางศาลพระภูมิ โดยทั่วไปแล้ว ตำแหน่งที่นิยมวางศาลพระภูมิคือมุมขวาด้านหน้าของบ้านเมื่อหันหน้าออกจากตัวบ้าน เพราะเชื่อว่าเป็นตำแหน่งมงคลที่จะช่วยปกป้องบ้านได้ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป๊ะตามนี้เสมอไปนะ บางบ้านอาจจะมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม
สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกตำแหน่งคือ ต้องไม่วางให้ตรงกับประตูหรือหน้าต่างบ้าน ไม่วางใต้ชายคาหรือต้นไม้ใหญ่ และไม่วางในที่ที่คนเดินผ่านไปมาบ่อย ๆ นอกจากนี้ ควรวางให้หันหน้าออกจากตัวบ้าน เพื่อให้เทพารักษ์ช่วยปกป้องบ้านจากสิ่งไม่ดีที่จะเข้ามา
ทิศทางการวางศาลพระภูมิ
เมื่อเลือกตำแหน่งได้แล้ว ต่อมาก็ต้องดูเรื่องทิศทางการวางศาลพระภูมิ ซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยทั่วไปแล้ว นิยมวางให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เพราะเชื่อว่าเป็นทิศแห่งความเจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าไม่สะดวก ก็สามารถเลือกทิศอื่นได้ตามความเหมาะสมของพื้นที่
- ทิศเหนือ เชื่อว่าจะช่วยเสริมด้านการงานและการเงิน
- ทิศใต้ เชื่อว่าจะช่วยเสริมด้านชื่อเสียงและการยอมรับ
- ทิศตะวันตก เชื่อว่าจะช่วยเสริมด้านความสัมพันธ์และครอบครัว
แต่ไม่ว่าจะเลือกหันไปทางทิศไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องไม่หันหลังให้ตัวบ้านเด็ดขาด เพราะเชื่อว่าจะทำให้เกิดความอัปมงคลได้
ขนาดของศาลพระภูมิ
เรื่องขนาดของศาลพระภูมิก็สำคัญไม่แพ้กัน หลายคนอาจคิดว่ายิ่งใหญ่ยิ่งดี แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เสมอไปนะ ขนาดของศาลพระภูมิควรเหมาะสมกับขนาดของบ้านและที่ดิน ไม่ควรใหญ่โตเกินไปจนดูไม่สมดุล หรือเล็กเกินไปจนดูไม่น่าเกรงขาม
โดยทั่วไป ความสูงของศาลพระภูมิควรอยู่ระหว่าง 1-1.5 เมตร ส่วนความกว้างและความยาวควรเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมกัน เช่น ถ้าสูง 1 เมตร ก็ควรกว้างและยาวประมาณ 60-80 เซนติเมตร แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่และความชอบส่วนตัวด้วยนะ
วัสดุในการสร้างศาลพระภูมิ
เรื่องวัสดุในการสร้างศาลพระภูมิก็มีผลต่อความเป็นมงคลเหมือนกัน โดยทั่วไปนิยมใช้ไม้ในการสร้าง เพราะเชื่อว่าเป็นวัสดุธรรมชาติที่มีพลังงานดี แต่ในปัจจุบันก็มีการใช้วัสดุอื่น ๆ เช่น หินอ่อน หรือคอนกรีต ซึ่งก็สามารถใช้ได้เช่นกัน
สิ่งสำคัญคือต้องเลือกวัสดุที่แข็งแรง ทนทานต่อสภาพอากาศ และดูแลรักษาง่าย นอกจากนี้ ควรเลือกสีที่เป็นมงคล เช่น สีขาว สีทอง หรือสีน้ำตาล หลีกเลี่ยงสีดำหรือสีแดงเข้ม เพราะอาจทำให้ดูไม่เป็นมงคล
การตกแต่งศาลพระภูมิ
เมื่อสร้างศาลพระภูมิเสร็จแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการตกแต่ง ซึ่งก็สำคัญไม่แพ้กัน การตกแต่งศาลพระภูมิควรเรียบง่าย สง่างาม ไม่รกรุงรังจนเกินไป สิ่งที่ควรมีในศาลพระภูมิได้แก่
- รูปปั้นหรือรูปภาพของเทพารักษ์
- แจกันดอกไม้สด (ควรเปลี่ยนทุกวัน)
- ธูปเทียน
- น้ำดื่มสะอาด (ควรเปลี่ยนทุกวัน)
- ผลไม้หรือขนมหวาน (ควรเปลี่ยนทุกวัน)
นอกจากนี้ อาจมีการประดับด้วยผ้าสีทอง หรือตุงไหว้พระภูมิ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลยิ่งขึ้น
พิธีการยกศาลพระภูมิ
เมื่อสร้างและตกแต่งศาลพระภูมิเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาทำพิธียกศาลพระภูมิ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม พิธีนี้จะช่วยอัญเชิญเทพารักษ์มาสถิตในศาล และขอพรให้ปกปักรักษาบ้านและผู้อยู่อาศัย
โดยทั่วไป พิธียกศาลพระภูมิมักจะทำในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นวันมงคล และควรเลือกฤกษ์ยามที่ดีด้วย ในพิธีจะมีการถวายเครื่องสังเวย สวดมนต์ และอัญเชิญเทพารักษ์ ซึ่งควรเชิญพระหรือผู้รู้มาประกอบพิธีให้ถูกต้องตามหลักพิธีกรรม
การดูแลรักษาศาลพระภูมิ
หลังจากยกศาลพระภูมิแล้ว สิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืมคือการดูแลรักษาศาลพระภูมิอย่างสม่ำเสมอ เพราะเชื่อว่าการดูแลศาลพระภูมิให้สะอาด เรียบร้อย จะช่วยให้เทพารักษ์พอใจและคุ้มครองบ้านเรือนให้อยู่เย็นเป็นสุข
ควรทำความสะอาดศาลพระภูมิทุกวัน เช่น กวาดฝุ่น เช็ดทำความสะอาด เปลี่ยนน้ำและดอกไม้ใหม่ นอกจากนี้ ควรมีการเปลี่ยนเครื่องสังเวยทุกวันพระ หรืออย่างน้อยทุกวันพฤหัสบดี และหมั่นตรวจสอบสภาพของศาลว่ามีการชำรุดเสียหายหรือไม่ หากพบว่ามีส่วนใดเสียหาย ควรรีบซ่อมแซมทันที
ข้อห้ามเกี่ยวกับศาลพระภูมิ
นอกจากการปฏิบัติที่ถูกต้องแล้ว ยังมีข้อห้ามบางอย่างเกี่ยวกับศาลพระภูมิที่ควรระวัง เพื่อไม่ให้เกิดความอัปมงคล ได้แก่
- ห้ามวางศาลพระภูมิใต้ต้นไม้หรือชายคา เพราะเชื่อว่าจะทำให้เทพารักษ์ไม่พอใจ
- ห้ามวางศาลพระภูมิให้หันหลังเข้าบ้าน เพราะเชื่อว่าจะทำให้เกิดความอัปมงคล
- ห้ามเอาของมีคม เช่น มีด กรรไกร ไปวางบนศาลพระภูมิ
- ห้ามนำสัตว์เลี้ยงมาผูกไว้ใกล้ศาลพระภูมิ
- ห้ามปล่อยให้ศาลพระภูมิรกรุงรัง สกปรก หรือชำรุดทรุดโทรม
การแก้ไขเมื่อวางศาลพระภูมิผิดที่
แล้วถ้าเกิดพลาดวางศาลพระภูมิผิดที่ผิดทางไปแล้วล่ะ จะทำยังไงดี? ไม่ต้องตกใจไป เพราะยังมีวิธีแก้ไขอยู่ แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวังและเคารพนะ
วิธีแรกคือการทำพิธีขอขมาและขออนุญาตย้าย โดยควรเชิญพระหรือผู้รู้มาประกอบพิธีให้ถูกต้อง ในพิธีจะมีการกล่าวคำขอขมา ถวายเครื่องสังเวย และขออนุญาตเทพารักษ์เพื่อย้ายศาล หลังจากนั้นจึงค่อยทำการย้ายศาลไปยังตำแหน่งใหม่ที่เหมาะสม
อีกวิธีหนึ่งคือการสร้างศาลพระภูมิหลังใหม่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง แล้วทำพิธีอัญเชิญเทพารักษ์จากศาลเดิมมายังศาลใหม่ หลังจากนั้นจึงค่อยรื้อถอนศาลเดิมออก วิธีนี้จะช่วยลดความกังวลเรื่องการรบกวนเทพารักษ์ได้
ไม่ว่าจะเลือกวิธีไหน สิ่งสำคัญคือต้องทำด้วยความเคารพและตั้งใจดี อย่าลืมเลือกฤกษ์ยามที่ดีในการทำพิธีด้วยนะ
เคล็ดลับเสริมดวงบ้านเพิ่มเติม
นอกจากการวางศาลพระภูมิให้ถูกต้องแล้ว ยังมีเคล็ดลับเสริมดวงบ้านอื่น ๆ ที่สามารถทำร่วมกันได้ เพื่อให้บ้านมีพลังงานที่ดียิ่งขึ้น
หนึ่งในนั้นคือการจัดฮวงจุ้ยภายในบ้าน โดยเฉพาะการจัดวางเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งให้ถูกทิศทาง เช่น วางโต๊ะทำงานให้หันหน้าไปทางทิศที่เป็นมงคลกับเจ้าของบ้าน หรือจัดวางต้นไม้ในบ้านเพื่อเสริมพลังชีวิต
อีกวิธีหนึ่งคือการใช้สีในการตกแต่งบ้าน โดยเลือกสีที่เสริมดวงให้กับเจ้าของบ้าน เช่น คนเกิดปีชวด (หนู) มักจะเข้ากับสีน้ำตาล สีทอง หรือสีเขียว การใช้สีเหล่านี้ในการทาผนังหรือเลือกเฟอร์นิเจอร์จะช่วยเสริมดวงได้
นอกจากนี้ การทำบุญที่บ้านเป็นประจำก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยเสริมพลังงานดีให้กับบ้านได้ อาจจะเป็นการนิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์ หรือการทำบุญเลี้ยงพระที่บ้านในวันสำคัญต่าง ๆ
บทสรุป
การวางศาลพระภูมิให้ถูกต้องนั้นมีรายละเอียดเยอะมาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะ? แต่ไม่ต้องกังวลไป! ถ้าทำตามเคล็ดลับที่เราแนะนำมา รับรองว่าบ้านคุณจะปังปุริเย่แน่นอน
สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำด้วยความเคารพและตั้งใจดี ไม่ว่าจะเป็นตอนสร้าง ตอนบูชา หรือตอนดูแลรักษา ถ้าทำด้วยใจ เชื่อว่าเทพารักษ์ท่านก็จะรับรู้และคุ้มครองเราเป็นอย่างดีแน่นอน
และอย่าลืมว่า แม้ศาลพระภูมิจะช่วยเสริมดวงบ้านได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำความดี มีเมตตา และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขของคนในบ้าน นั่นแหละคือสิ่งที่จะทำให้บ้านของเรามีความสุขและเจริญรุ่งเรืองอย่างแท้จริง
