หวยเป็นการเสี่ยงโชคที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน แต่รู้หรือไม่ว่าการแทงหวยนั้นมีหลากหลายรูปแบบมากกว่าที่คิด แต่ละแบบก็มีเทคนิคและวิธีการเล่นที่แตกต่างกันออกไป วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับรูปแบบการแทงหวยแบบต่าง ๆ กัน เพื่อให้เข้าใจและเลือกเล่นได้ตรงใจมากขึ้น
การแทงหวยแบบเลขตรง
การแทงหวยแบบเลขตรงเป็นรูปแบบพื้นฐานที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย วิธีเล่นคือเลือกตัวเลขที่ต้องการแทง โดยต้องระบุตำแหน่งของตัวเลขให้ชัดเจน เช่น เลข 2 ตัวบน เลข 2 ตัวล่าง หรือเลข 3 ตัวบน
ในกรณีของเลข 2 ตัว ผู้เล่นต้องทายให้ถูกทั้งตัวเลขและตำแหน่ง เช่น แทง 25 บน ถ้าผลรางวัลออกมาเป็น 25 จริง ๆ ก็จะถือว่าถูกรางวัล แต่ถ้าออกมาเป็น 52 หรือ 25 ล่าง ก็จะไม่ถือว่าถูกรางวัล
สำหรับเลข 3 ตัว ก็ใช้หลักการเดียวกัน แต่จะยากขึ้นเพราะต้องทายให้ถูกทั้ง 3 ตัวและตำแหน่ง อัตราการจ่ายของเลขตรงจะสูงกว่าแบบอื่น ๆ เพราะโอกาสถูกรางวัลน้อยกว่า โดยทั่วไปเลข 2 ตัวตรงจะจ่ายประมาณ 90-100 เท่า ส่วนเลข 3 ตัวตรงจะจ่ายประมาณ 800-1000 เท่า
การแทงหวยแบบโต๊ด
การแทงหวยแบบโต๊ดเป็นอีกรูปแบบที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เล่นที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการถูกรางวัล วิธีเล่นคือเลือกตัวเลขที่ต้องการแทง แต่ไม่ต้องระบุตำแหน่งที่แน่นอน
ยกตัวอย่างเช่น การแทงโต๊ด 3 ตัว ถ้าเลือกแทงเลข 123 แบบโต๊ด จะถือว่าถูกรางวัลไม่ว่าผลจะออกมาเป็น 123, 132, 213, 231, 312 หรือ 321 ก็ตาม เพราะถือว่าเป็นการสลับตำแหน่งของตัวเลขชุดเดียวกัน
การแทงโต๊ดจะมีโอกาสถูกรางวัลมากกว่าการแทงตรง แต่อัตราการจ่ายก็จะน้อยกว่า โดยทั่วไปโต๊ด 3 ตัวจะจ่ายประมาณ 150-180 เท่า ส่วนโต๊ด 2 ตัวจะจ่ายเท่ากับการแทงตรง เพราะมีเพียง 2 รูปแบบการสลับตำแหน่งเท่านั้น
การแทงหวยแบบวิ่ง
การแทงหวยแบบวิ่งเป็นรูปแบบที่เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการเสี่ยงน้อยแต่มีโอกาสถูกรางวัลบ่อย ๆ วิธีเล่นคือเลือกตัวเลขเพียงหลักเดียว โดยไม่สนใจตำแหน่งหรือตัวเลขอื่น ๆ
เช่น การแทงวิ่ง 2 ตัวบน ถ้าเลือกแทงเลข 5 จะถือว่าถูกรางวัลถ้าผลรางวัล 2 ตัวบนมีเลข 5 อยู่ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใดก็ตาม เช่น 51, 25, 65 เป็นต้น
การแทงวิ่งจะมีโอกาสถูกรางวัลสูงที่สุด แต่อัตราการจ่ายก็จะต่ำที่สุด โดยทั่วไปวิ่ง 2 ตัวจะจ่ายประมาณ 3-4 เท่า ส่วนวิ่ง 3 ตัวจะจ่ายประมาณ 4-5 เท่า
การแทงหวยแบบชุด
การแทงหวยแบบชุดเป็นรูปแบบที่นิยมในกลุ่มผู้เล่นที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการถูกรางวัล โดยการแทงตัวเลขหลาย ๆ ตัวในคราวเดียว วิธีเล่นคือเลือกตัวเลขหลัก ๆ มาสัก 3-5 ตัว แล้วนำมาจัดเรียงเป็นชุดตัวเลขต่าง ๆ
ตัวอย่างเช่น ถ้าเลือกตัวเลขหลัก 1, 2, 3 มาแทงแบบชุด 2 ตัว ก็จะได้ชุดตัวเลขดังนี้ 12, 13, 21, 23, 31, 32 รวมทั้งหมด 6 ชุด ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการถูกรางวัลมากขึ้น
การแทงแบบชุดจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการแทงแบบปกติ เพราะต้องจ่ายเงินสำหรับทุกชุดตัวเลข แต่ก็มีโอกาสถูกรางวัลมากขึ้นเช่นกัน อัตราการจ่ายจะเป็นไปตามรูปแบบการแทงของแต่ละชุดตัวเลข
การแทงหวยแบบกลับเลข
การแทงหวยแบบกลับเลขเป็นอีกรูปแบบที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกรางวัล วิธีเล่นคือเลือกตัวเลขที่ต้องการแทง แล้วแทงทั้งตัวเลขนั้นและตัวเลขที่สลับตำแหน่งกัน
เช่น ถ้าเลือกแทงเลข 25 แบบกลับเลข ก็จะเป็นการแทงทั้งเลข 25 และ 52 ในคราวเดียวกัน ถ้าผลรางวัลออกมาเป็นเลขใดเลขหนึ่งใน 2 ตัวนี้ ก็จะถือว่าถูกรางวัล
การแทงแบบกลับเลขจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการแทงแบบปกติ เพราะต้องจ่ายเงินสำหรับทั้งสองตัวเลข แต่ก็มีโอกาสถูกรางวัลมากขึ้นเป็น 2 เท่า อัตราการจ่ายจะเป็นไปตามรูปแบบการแทงของแต่ละตัวเลข
การแทงหวยแบบเลขเบิ้ล
การแทงหวยแบบเลขเบิ้ลเป็นรูปแบบที่เน้นการแทงตัวเลขซ้ำ วิธีเล่นคือเลือกตัวเลขที่เหมือนกันทั้งหมด เช่น 11, 22, 33 เป็นต้น
การแทงเลขเบิ้ลมักจะมีอัตราการจ่ายที่สูงกว่าการแทงเลขปกติ เพราะโอกาสที่จะออกเลขซ้ำกันทั้งหมดนั้นค่อนข้างน้อย บางเว็บอาจมีโปรโมชันพิเศษสำหรับการแทงเลขเบิ้ล เช่น จ่ายเพิ่ม 10-20% จากอัตราปกติ
การแทงหวยแบบล็อคเลข
การแทงหวยแบบล็อคเลขเป็นรูปแบบที่ผู้เล่นสามารถกำหนดตำแหน่งของตัวเลขบางตัวได้ วิธีเล่นคือเลือกตัวเลขที่แน่นอนในบางตำแหน่ง และใช้เครื่องหมาย X แทนตำแหน่งที่ไม่แน่นอน
ตัวอย่างเช่น การแทง 1X2 หมายถึงต้องการให้เลขหลักร้อยเป็น 1 เลขหลักหน่วยเป็น 2 ส่วนเลขหลักสิบจะเป็นอะไรก็ได้ ถ้าผลรางวัลออกมาเป็น 112, 132, 142 ฯลฯ ก็จะถือว่าถูกรางวัล
การแทงแบบล็อคเลขจะมีโอกาสถูกรางวัลมากกว่าการแทงตรง แต่น้อยกว่าการแทงโต๊ด อัตราการจ่ายก็จะอยู่ระหว่างการแทงตรงและการแทงโต๊ด
การแทงหวยแบบสูง-ต่ำ
การแทงหวยแบบสูง-ต่ำเป็นรูปแบบที่ไม่ต้องทายตัวเลขที่แน่นอน แต่เป็นการทายว่าผลรวมของตัวเลขที่ออกจะสูงหรือต่ำกว่าค่าที่กำหนด วิธีเล่นคือเลือกว่าจะแทงสูงหรือต่ำ
ตัวอย่างเช่น ในกรณีของเลข 2 ตัว ค่ากลางมักจะอยู่ที่ 49.5 ถ้าแทงสูง จะชนะเมื่อผลรวมของเลข 2 ตัวที่ออกมากกว่า 49 ถ้าแทงต่ำ จะชนะเมื่อผลรวมน้อยกว่าหรือเท่ากับ 49
การแทงแบบสูง-ต่ำจะมีโอกาสถูกรางวัลประมาณ 50% แต่อัตราการจ่ายก็จะต่ำกว่าการแทงแบบอื่น ๆ โดยทั่วไปจะจ่ายประมาณ 1.9-2 เท่าของเงินเดิมพัน
การแทงหวยแบบเลขวงกลม
การแทงหวยแบบเลขวงกลมเป็นรูปแบบที่รวมการแทงตรงและการแทงโต๊ดเข้าด้วยกัน วิธีเล่นคือเลือกตัวเลขที่ต้องการแทง โดยจะถือว่าถูกรางวัลทั้งในกรณีที่ออกตรงตามที่แทงและในกรณีที่ตัวเลขสลับตำแหน่งกัน
ตัวอย่างเช่น ถ้าแทงเลขวงกลม 123 จะถือว่าถูกรางวัลถ้าผลออกมาเป็น 123 (ตรง) หรือ 132, 213, 231, 312, 321 (โต๊ด) ซึ่งจะได้รับเงินรางวัลตามอัตราการจ่ายของแต่ละกรณี
การแทงแบบเลขวงกลมจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการแทงแบบปกติ เพราะเป็นการรวมการแทงหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน แต่ก็มีโอกาสถูกรางวัลสูงขึ้นเช่นกัน อัตราการจ่ายจะแตกต่างกันไปตามผลที่ออก โดยจะได้รับเงินรางวัลเต็มจำนวนถ้าออกตรง และได้รับเงินรางวัลในอัตราโต๊ดถ้าออกแบบสลับตำแหน่ง
การแทงหวยแบบกินเต็ม
การแทงหวยแบบกินเต็มเป็นรูปแบบที่ผู้เล่นสามารถเลือกแทงได้ทุกตัวเลขที่เป็นไปได้ในคราวเดียว วิธีเล่นคือระบุว่าต้องการแทงกินเต็มแบบไหน เช่น กินเต็ม 2 ตัวบน หรือกินเต็ม 3 ตัวบน
การแทงแบบกินเต็มจะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก เพราะเป็นการแทงทุกความเป็นไปได้ แต่ก็รับประกันว่าจะถูกรางวัลแน่นอน อย่างไรก็ตาม เงินรางวัลที่ได้รับอาจจะน้อยกว่าเงินที่เสียไปในการแทง ขึ้นอยู่กับอัตราการจ่ายของเว็บนั้น ๆ
การแทงหวยแบบเลขเสียว
การแทงหวยแบบเลขเสียวเป็นรูปแบบที่คล้ายกับการแทงวิ่ง แต่จะเจาะจงตำแหน่งของตัวเลขที่ต้องการ วิธีเล่นคือเลือกตัวเลขและระบุตำแหน่งที่ต้องการ เช่น เลข 5 หลักร้อย หรือเลข 3 หลักสิบ
การแทงแบบเลขเสียวจะมีโอกาสถูกรางวัลมากกว่าการแทงตรง แต่น้อยกว่าการแทงวิ่ง อัตราการจ่ายก็จะอยู่ระหว่างการแทงตรงและการแทงวิ่ง โดยทั่วไปจะจ่ายประมาณ 10-15 เท่าของเงินเดิมพัน
การแทงหวยแบบสามตัวตัด
การแทงหวยแบบสามตัวตัดเป็นรูปแบบที่ใช้กับการแทงเลข 3 ตัว วิธีเล่นคือเลือกตัวเลข 3 ตัว แล้วแทงแบบตัดตัวใดตัวหนึ่งออก
ตัวอย่างเช่น ถ้าแทงสามตัวตัดเลข 123 จะถือว่าถูกรางวัลถ้าผลออกมาเป็น 12X, 1X3, หรือ X23 โดย X คือเลขอะไรก็ได้
การแทงแบบสามตัวตัดจะมีโอกาสถูกรางวัลมากกว่าการแทงตรง 3 ตัว แต่อัตราการจ่ายก็จะน้อยกว่า โดยทั่วไปจะจ่ายประมาณ 150-200 เท่าของเงินเดิมพัน
การแทงหวยแบบสองตัวบนล่าง
การแทงหวยแบบสองตัวบนล่างเป็นการรวมการแทงเลข 2 ตัวบนและ 2 ตัวล่างเข้าด้วยกัน วิธีเล่นคือเลือกตัวเลข 2 ตัว แล้วแทงทั้งบนและล่างในคราวเดียว
การแทงแบบนี้จะเพิ่มโอกาสในการถูกรางวัล เพราะมีลุ้นทั้งรางวัลเลข 2 ตัวบนและ 2 ตัวล่าง แต่ก็ต้องจ่ายค่าแทงเป็นสองเท่าเช่นกัน อัตราการจ่ายจะเป็นไปตามปกติของการแทง 2 ตัวบนและล่าง
การแทงหวยแบบสเต็ป
การแทงหวยแบบสเต็ปเป็นรูปแบบที่นำมาจากการแทงพนันกีฬา วิธีเล่นคือเลือกแทงหวยหลาย ๆ ประเภทหรือหลาย ๆ งวดในคราวเดียว โดยต้องถูกทุกรายการจึงจะได้รับเงินรางวัล
ตัวอย่างเช่น อาจแทงเลข 2 ตัวบนของหวยรัฐบาล หวยลาว และหวยฮานอยในคราวเดียวกัน ถ้าถูกทั้งสามรายการก็จะได้รับเงินรางวัลที่คูณกันทั้งหมด
การแทงแบบสเต็ปจะมีความเสี่ยงสูง เพราะต้องถูกทุกรายการ แต่ถ้าถูกก็จะได้เงินรางวัลจำนวนมาก อัตราการจ่ายจะเป็นการคูณอัตราการจ่ายของแต่ละรายการเข้าด้วยกัน
สรุป
จะเห็นได้ว่าการแทงหวยนั้นมีรูปแบบที่หลากหลายมาก แต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ผู้เล่นควรศึกษาและทำความเข้าใจกับแต่ละรูปแบบให้ดีก่อนตัดสินใจเล่น เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองที่สุด