หากพูดถึงการซื้อลอตเตอรี่ในไทย โอกาสถูกรางวัลที่ 1 อยู่ที่เพียง 0.0001% หรือประมาณหนึ่งในล้านเท่านั้น แต่หากคุณเคยได้ยินเรื่องรางวัลแจ็กพอตมูลค่าหมื่นล้านบาทของลอตเตอรี่อเมริกันอย่าง Powerball และ Mega Millions คุณอาจสงสัยว่า ระบบลอตเตอรี่แบบไหนที่ให้รางวัลใหญ่ขนาดนี้ และมันดึงดูดนักเสี่ยงโชคทั่วโลกได้อย่างไร?
ระบบลอตเตอรี่ในสหรัฐอเมริกา
ในสหรัฐอเมริกา ลอตเตอรี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายและดำเนินการโดยแต่ละรัฐ โดยปัจจุบันมีหน่วยงานลอตเตอรี่รวมถึง 48 รายการ ครอบคลุม 45 รัฐ การซื้อและรับเงินรางวัลส่วนใหญ่จะต้องเกิดขึ้นภายในรัฐนั้น ๆ เท่านั้น
ในปี 2020 ยอดขายลอตเตอรี่ทั่วสหรัฐสูงถึง 2.67 ล้านล้านบาท และเพื่อขยายพื้นที่การจัดจำหน่ายและเพิ่มความตื่นเต้น จึงเกิดการรวมตัวกันของหน่วยงานลอตเตอรี่จากหลายรัฐ ก่อให้เกิดลอตเตอรี่ประเภทใหม่ที่มีรางวัลแจ็กพอตมหาศาลอย่าง Powerball และ Mega Millions
ความแตกต่างระหว่าง Powerball และ Mega Millions
Powerball
Powerball ก่อตั้งขึ้นในปี 1988 ในนาม Lotto America และเปลี่ยนชื่อเป็น Powerball ในปี 1992 มีการออกรางวัลสัปดาห์ละสองครั้งในวันพุธและวันเสาร์ ผู้เล่นจะต้องเลือกหมายเลขดังนี้:
- เลือกลูกบอลสีขาว 5 ลูก (หมายเลข 1-69)
- เลือกลูกบอลสีแดง 1 ลูก (หมายเลข 1-26)
หากผู้เล่นทายถูกครบทั้ง 6 หมายเลข จะได้รับรางวัลแจ็กพอต สำหรับตั๋ว 1 ใบมีราคาประมาณ 60 บาท และสามารถเพิ่มเงิน 30-300 บาท เพื่อเปิดใช้งานระบบ Power Play ซึ่งช่วยเพิ่มเงินรางวัลที่ไม่ใช่แจ็กพอตได้ตั้งแต่ 2 ถึง 10 เท่า
Mega Millions
Mega Millions เปิดตัวในปี 1996 ในชื่อ The Big Game และพัฒนาระบบจนมีลักษณะคล้าย Powerball ความแตกต่างคือ:
- เลือกลูกบอลสีขาว 5 ลูก (หมายเลข 1-70)
- เลือกลูกบอลสีทอง 1 ลูก (หมายเลข 1-25)
ตั๋วใบละ 60 บาทเช่นกัน และมีระบบ Megaplier ที่เพิ่มเงินรางวัลสูงสุด 5 เท่า การออกรางวัลของ Mega Millions จะมีขึ้นทุกวันอังคารและวันศุกร์
รางวัลแจ็กพอตที่ดึงดูดใจ
หนึ่งในจุดเด่นของลอตเตอรี่ทั้งสองประเภทคือ ระบบทบต้นของแจ็กพอต หากไม่มีผู้ถูกรางวัล แจ็กพอตจะถูกสะสมเพิ่มขึ้นในงวดถัดไป ทำให้มูลค่ารางวัลสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงระดับหมื่นล้านบาท ตัวอย่างในปัจจุบัน:
- แจ็กพอตของ Powerball สูงถึง 4,500 ล้านบาท
- แจ็กพอตของ Mega Millions อยู่ที่ 3,500 ล้านบาท
แต่หากมีผู้ถูกรางวัลแจ็กพอตพร้อมกัน เงินรางวัลจะถูกแบ่งตามจำนวนผู้ถูกรางวัลในงวดนั้น
เงื่อนไขการรับรางวัล
หากถูกรางวัลแจ็กพอต ผู้ชนะมีสองตัวเลือก:
- รับเงินเต็มจำนวนแบบแบ่งจ่าย: รับเงินรางวัลในงวดละปี รวม 30 งวด
- รับเงินก้อนทันที: รับเงินเพียง 1 ใน 3 ของมูลค่ารางวัลทั้งหมด
วิธีการนี้ช่วยให้ระบบสามารถบริหารจัดการเงินรางวัลได้อย่างยั่งยืน
เงินจากการขายลอตเตอรี่ถูกนำไปใช้ทำอะไร?
หลังจากหักค่าใช้จ่ายและเงินรางวัล ส่วนที่เหลือจะถูกส่งกลับไปยังแต่ละรัฐ เพื่อนำไปใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ เช่น:
- การสร้างถนนและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน
- สนับสนุนระบบการศึกษา
- กองทุนสำหรับโครงการต่าง ๆ
- โครงการบำบัดผู้ติดการพนัน
รางวัลใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
แจ็กพอตที่ใหญ่ที่สุดของ Powerball เกิดขึ้นในปี 2016 ด้วยมูลค่ากว่า 47,500 ล้านบาท แต่มีผู้ถูกรางวัล 3 คนจาก 3 รัฐ ทำให้ต้องแบ่งเงินรางวัลออกเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน
สำหรับ Mega Millions ในปี 2021 มีผู้ชนะรางวัลแจ็กพอตสูงถึง 31,500 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นรางวัลที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของลอตเตอรี่ประเภทนี้
สรุป
แม้โอกาสถูกรางวัลแจ็กพอตของ Powerball และ Mega Millions จะต่ำมาก แต่เงินรางวัลมหาศาลก็ยังคงดึงดูดนักเสี่ยงโชคจากทั่วโลก ความพิเศษของลอตเตอรี่เหล่านี้ไม่ได้อยู่ที่การลุ้นโชคเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการบริหารจัดการเงินรางวัลและการสนับสนุนสาธารณประโยชน์ในชุมชน
หากคุณสนใจการเสี่ยงโชคที่แตกต่าง ลองสำรวจลอตเตอรี่ระดับโลกเหล่านี้ดู คุณอาจกลายเป็นเศรษฐีหมื่นล้านในชั่วข้ามคืนก็เป็นได้