เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนถึงดูออกว่าใครเป็นราศีอะไร? หรือทำไมหมอดูบางคนถึงทายอะไรได้แม่นจนน่าตกใจ? วันนี้เราจะพาทุกคนไปไขความลับของศาสตร์แห่งดวงดาว และเรียนรู้วิธีอ่านชะตาชีวิตแบบมือโปร!
แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น มาทำความรู้จักกับโหราศาสตร์กันก่อนดีกว่า โหราศาสตร์คือศาสตร์ที่ว่าด้วยการทำนายโชคชะตาจากตำแหน่งของดวงดาวและดาวเคราะห์ต่างๆ ในขณะที่เราเกิด ฟังดูเหมือนเรื่องไกลตัว แต่จริงๆ แล้วมันเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเรามากกว่าที่คิดนะ
ลองนึกดูสิ เวลาเราอ่านดวงประจำวัน เราก็กำลังใช้หลักการของโหราศาสตร์อยู่แล้ว หรือแม้แต่ตอนที่เราพูดว่า “วันนี้ดวงตก” หรือ “ช่วงนี้ดวงกำลังพุ่ง” นั่นก็เป็นการพูดถึงโหราศาสตร์โดยไม่รู้ตัวเลยล่ะ
แล้วทำไมเราถึงควรสนใจเรื่องพวกนี้ล่ะ? ก็เพราะมันช่วยให้เราเข้าใจตัวเองและคนรอบข้างได้ดีขึ้นไงล่ะ! ลองคิดดู ถ้าเรารู้ว่าเพื่อนเราเป็นราศีอะไร มีดาวอะไรอยู่ในตำแหน่งไหนบ้าง เราก็จะเข้าใจนิสัยและพฤติกรรมของเขาได้ดีขึ้น แถมยังช่วยให้เราทำงานร่วมกันได้ราบรื่นขึ้นด้วย
นอกจากนี้ การรู้จักโหราศาสตร์ยังช่วยให้เราวางแผนชีวิตได้ดีขึ้น เช่น รู้ว่าช่วงไหนควรระมัดระวังเรื่องอะไร หรือช่วงไหนเหมาะกับการทำอะไร แบบนี้เราก็จะสามารถเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น
แต่ก่อนที่จะไปลึกกว่านี้ ต้องบอกก่อนว่าโหราศาสตร์ไม่ใช่วิทยาศาสตร์นะ มันเป็นศาสตร์ที่อาศัยการตีความและประสบการณ์ ดังนั้น อย่าไปยึดติดกับคำทำนายมากเกินไป ใช้มันเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตก็พอ
ทีนี้ มาเริ่มเรียนรู้กันเลยดีกว่า! เราจะแบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วนๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น
ราศี พื้นฐานที่ต้องรู้
ราศีคือจุดเริ่มต้นของการอ่านดวง มันแบ่งออกเป็น 12 ราศี ตามกลุ่มดาวจักรราศี แต่ละราศีมีคุณลักษณะเฉพาะตัว
- ราศีเมษ (21 มี.ค. – 19 เม.ย.) นักบุกเบิก กล้าหาญ
- ราศีพฤษภ (20 เม.ย. – 20 พ.ค.) มั่นคง รักสบาย
- ราศีเมถุน (21 พ.ค. – 20 มิ.ย.) ฉลาด ช่างพูด
- ราศีกรกฎ (21 มิ.ย. – 22 ก.ค.) อ่อนไหว เอาใจใส่
- ราศีสิงห์ (23 ก.ค. – 22 ส.ค.) มั่นใจ เป็นผู้นำ
- ราศีกันย์ (23 ส.ค. – 22 ก.ย.) ละเอียด ชอบวิเคราะห์
- ราศีตุลย์ (23 ก.ย. – 22 ต.ค.) ยุติธรรม รักสวยรักงาม
- ราศีพิจิก (23 ต.ค. – 21 พ.ย.) ลึกลับ มีเสน่ห์
- ราศีธนู (22 พ.ย. – 21 ธ.ค.) รักอิสระ มองโลกในแง่ดี
- ราศีมังกร (22 ธ.ค. – 19 ม.ค.) มุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง
- ราศีกุมภ์ (20 ม.ค. – 18 ก.พ.) แหวกแนว ชอบช่วยเหลือ
- ราศีมีน (19 ก.พ. – 20 มี.ค.) อ่อนโยน จินตนาการสูง
แต่ละราศีจะมีธาตุประจำราศีด้วย ซึ่งแบ่งเป็น 4 ธาตุ
- ธาตุไฟ (เมษ สิงห์ ธนู) กระตือรือร้น มีพลัง
- ธาตุดิน (พฤษภ กันย์ มังกร) มั่นคง อดทน
- ธาตุลม (เมถุน ตุลย์ กุมภ์) ปรับตัวเก่ง ชอบเรียนรู้
- ธาตุน้ำ (กรกฎ พิจิก มีน) อ่อนไหว เข้าอกเข้าใจ
การรู้ธาตุประจำราศีช่วยให้เราเข้าใจลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของแต่ละราศีได้ดีขึ้น
ดาวเคราะห์ ตัวแปรสำคัญในการอ่านดวง
นอกจากราศีแล้ว ดาวเคราะห์ก็มีบทบาทสำคัญในการอ่านดวงเช่นกัน ในทางโหราศาสตร์ เราจะสนใจดาวเคราะห์ 10 ดวง
- ดวงอาทิตย์ แทนตัวตน พลังชีวิต
- ดวงจันทร์ แทนอารมณ์ ความรู้สึก
- ดาวพุธ แทนความคิด การสื่อสาร
- ดาวศุกร์ แทนความรัก ความงาม
- ดาวอังคาร แทนพลัง การต่อสู้
- ดาวพฤหัสบดี แทนโชคลาภ การขยาย
- ดาวเสาร์ แทนความรับผิดชอบ ข้อจำกัด
- ดาวยูเรนัส แทนการเปลี่ยนแปลง ความแปลกใหม่
- ดาวเนปจูน แทนจินตนาการ ความฝัน
- ดาวพลูโต แทนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อำนาจลึกลับ
แต่ละดาวจะอยู่ในตำแหน่งต่างๆ ในแผนที่ดวงดาวของเรา ซึ่งเรียกว่า “ดวงชะตา” หรือ “โหราศาสตร์” นั่นเอง
วิธีอ่านดวงชะตาเบื้องต้น
การอ่านดวงชะตาเริ่มจากการรู้วันเวลาและสถานที่เกิดของคนๆ นั้น จากนั้นก็นำข้อมูลนี้ไปสร้างแผนที่ดวงดาว หรือที่เรียกว่า “ดวงชะตา”
ในดวงชะตา จะมีส่วนประกอบหลักๆ ดังนี้
- ราศีประจำตัว หรือ “ลัคนา” คือราศีที่ขึ้นทางทิศตะวันออกในขณะที่เราเกิด
- ตำแหน่งของดาวเคราะห์ต่างๆ ว่าอยู่ในราศีไหน
- มุมสัมพันธ์ระหว่างดาวต่างๆ
การอ่านดวงชะตาคือการตีความสิ่งเหล่านี้รวมกัน เช่น
- ถ้าดวงอาทิตย์อยู่ในราศีสิงห์ แสดงว่าคนๆ นั้นมีความมั่นใจ เป็นผู้นำโดยธรรมชาติ
- ถ้าดวงจันทร์อยู่ในราศีกรกฎ แสดงว่าคนๆ นั้นมีอารมณ์อ่อนไหว ให้ความสำคัญกับครอบครัว
- ถ้าดาวศุกร์ทำมุมดีกับดาวพฤหัสบดี อาจหมายถึงโชคดีในเรื่องความรักและการเงิน
แต่การอ่านดวงชะตาไม่ใช่แค่ดูทีละดวง แต่ต้องดูภาพรวมทั้งหมดด้วย บางทีอิทธิพลของดาวดวงหนึ่งอาจถูกลดทอนหรือเสริมด้วยดาวอีกดวง